ท่องให้ขึ้นใจ! 7 วิธีเอาตัวรอด หากเกิดอุบัติเหตุ “รถจมน้ำ” ย้ำ! ตั้งสติเป็นอย่างแรก

Home » ท่องให้ขึ้นใจ! 7 วิธีเอาตัวรอด หากเกิดอุบัติเหตุ “รถจมน้ำ” ย้ำ! ตั้งสติเป็นอย่างแรก

ท่องให้ขึ้นใจ! 7 วิธีเอาตัวรอด หากเกิดอุบัติเหตุ “รถจมน้ำ” ย้ำ! ตั้งสติเป็นสิ่งแรก เพราะอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิด ควรเตรียมพร้อมเสมอ

เชื่อว่าไม่มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์อันตรายต่างๆ แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถกำหนดอนาคตได้ สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุด และควรที่จะทำมากที่สุด คือการเตรียมตัวให้พร้อมทุกกับสถานการณ์ที่คาดจะเกิดขึ้นได้ อีกทั้งช่วงนี้ใกล้เทศกาลปีใหม่แล้ว จากสถิติที่ผ่านมามักจะเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างมาก รวมด้วยช่วงนี้ประเทศไทยมีประเด็นในเรื่องของน้ำท่วม นำ้ป่า น้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งอาจเกิดอุบัติเหตุการได้เช่นนั้น

  • เตือน! กรุงเทพฯ-สมุทรปราการ น้ำทะเลหนุน ทะลักเจ้าพระยา เอ่อท่วม 2 ฝั่งทั้ง

วันนี้ Bright Today นำ 7 วิธีเอาตัวรอด หากเกิดอุบัติเหตุ “รถจมน้ำ” มาเพื่อให้คนคนได้เตรียมตัวใหม่พร้อมกับทุกสถานการณ์ ย้ำ! ตั้งสติเป็นอย่างแรก

1. ตั้งสติให้ดี

เมื่อรถตกลงไปในน้ำ รถจะยังไม่จมลงในทันที แต่จะค่อยๆ จมลงอย่างช้าๆ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาวิกฤต ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเร็วมาก ดังนั้นควรตั้งสติให้ดี อย่ามัวแต่ตื่นตกใจ พร้อมกับพยายามยกศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น

2. ปลดเข็มขัดนิรภัยออก

จากนั้นให้รีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกทันที หากมีเด็กนั่งมาในรถด้วย ให้ปลดเข็มขัดนิรภัยของเด็กออกก่อน แล้วค่อยช่วยเหลือคนอื่น พยายามตั้งสติให้มากๆ และหายใจปกติ แต่เมื่อระดับน้ำเริ่มสูงกว่าหน้าอกแล้วให้สูดหายใจลึกๆ กลั้นหายใจแล้วหาทางออกจากรถต่อไป

3. ปลดล็อกประตูทุกบาน

ควรปลดล็อกประตูรถทุกบาน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการออกจากรถ แม้ว่าช่วงแรกที่รถตกน้ำ แรงดันน้ำจากด้านนอกจะทำให้เปิดประตูรถไม่ได้ก็ตามแต่เมื่อเปิดหน้าต่างหรือรอจนน้ำเข้ามาเกือบมิดหลังคารถแล้ว จึงสามารถเปิดประตูรถได้ แต่ว่าค่อนข้างลำบากกว่าการหนีออกทางหน้าต่างรถ

4. รีบเปิดกระจกรถให้เร็วที่สุด

หรือมีวิธีง่ายกว่านั้น ก็คือควรรีบเปิดกระจกรถให้เร็วที่สุดก่อนที่รถจะจมน้ำ หากเป็นกระจกรถยนต์แบบหมุน ก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ถ้าเป็นกระจกรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนใหญ่เมื่อรถจมน้ำ ระบบไฟฟ้าของรถจะยังทำงานได้อยู่ประมาณ 5 นาที กระจกไฟฟ้าจึงยังสามารถทำงานได้อยู่ แต่ถ้าไม่สามารถเปิดกระจกได้แล้ว ให้หาอะไรทุบกระจกด้านข้างให้แตก หรือยกพนักพิงออก แล้วใช้แท่งเหล็กมากระแทกที่ร่องกระจกด้านข้าง ตอกเข้าไปประมาณ 1 นิ้ว แล้วออกแรงงัดเข้าหาตัว กระจกจะแตกออกทั้งบาน

5. พยายามเปิดประตูรถออก เมื่อความดันในรถเท่ากันแล้ว

เมื่อรถจมน้ำ ประตูจะไม่สามารถเปิดได้ในทันที เพราะแรงดันทั้งภายในและภายนอกยังไม่เท่ากัน ต้องรอให้น้ำไหลเข้ามาในรถครึ่งคันหรือจนเกือบมิดหลังคา จะทำให้ประตูรถเปิดออกได้ง่ายกว่าตอนแรก เมื่อเปิดประตูรถออกมาได้แล้ว ให้รีบพุ่งตัวออกจากรถทันที แต่การหนีทางประตูรถยนต์จะค่อนข้างยากกว่าการออกทางหน้าต่างรถ นอกจากนี้หากประตูรถเปิดแล้ว อาจทำให้น้ำไหลเข้ามาและทำให้รถจมเร็วขึ้น

6. พกอุปกรณ์ที่ทำให้กระจกรถแตก

เหตุการณ์รถตกน้ำ อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ อย่างไรแล้ว ควรมีสติให้มากๆ ถ้าจะให้ดีควรพกอุปกรณ์ฉุกเฉินที่ช่วยทำให้กระจกรถแตกออกได้ง่าย เช่น ค้อนนิรภัย เป็นต้น โดยควรเลือกทุบกระจกด้านข้าง มากกว่ากระจกหน้าหรือกระจกหลังที่เป็นกระจกนิรภัยซึ่งแตกยากกว่ากระจกข้าง

7. ว่ายน้ำออกจากตัวรถให้เร็วที่สุด

เมื่อหาทางออกจากตัวรถที่กำลังจมน้ำได้แล้ว ให้รีบว่ายน้ำออกห่างจากตัวรถให้มากที่สุด แต่หากไม่รู้ว่าอยู่ทิศใดในกระแสน้ำ ให้ปล่อยตัวตามธรรมชาติให้ตัวลอยขึ้นมาเอง หรืออาจดูจากฟองอากาศว่าลอยตัวไปทางทิศไหน แล้วว่ายน้ำตามไปทางนั้น

ขอบคุณข้อมูล – masii.co.th

สามารถติดตามข่าวสาร และ เรื่องดีๆเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ เว็บไซต์ Bright Today หรือ Facebook Bright TV

ข่าวที่น่าสนใจ

PM2.5 บุกกทม. “ทวีวัฒนา” คุณภาพอากาศน่าห่วง เฝ้าระวัง 10 พื้นที่กทม.ฝุ่นมาก

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ