หลังจากสงกรานต์ในวงการไอทีบ้านเรามีการพูดถึงปัญหาของ สมาร์ทโฟน ( Smart Phone ) กันน้ำออกมาให้เราได้เห็นกัน เพราะในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมามีผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนหลายรุ่นทีประสบปัญหาน้ำเข้าเครื่อง(ตามข่าวที่ได้เห็นกันไปก่อนหน้านี้)
ดังนั้นวันนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับมาตรฐาน IP หรือที่เรามักได้ยินกันว่า IP Rating, IP Code, IP Standard หรือ Ingress Protection Rating คือมาตรฐานที่บอกถึงระดับการป้องกันฝุ่นละอองและน้ำของเครื่องจักร และอุปกรณ์ไฟฟ้าให้ได้เข้าใจกัน
จะเห็นได้ว่าสมาร์ทโฟนที่วางจำหน่ายในบ้านเราหลากหลายรุ่นต่างก็พากันโฆษณาว่าสมาร์ทโฟนของตนเองมาพร้อมกับระบบ IP รุ่นต่างๆ แต่หลายครั้งการโฆษณาก็ไม่ชัดเจนพอที่จะทำให้เข้าใจว่า IP ที่มีในสมาร์ทโฟนนั้นสามารถกันน้ำได้มากน้อยแค่ไหน?
ตัวเลขหลักที่ 1 : การป้องกันของแข็ง หรือการเข้าของฝุ่นละออง
- 0 ไม่มีการป้องกันใดๆ
- 1 ป้องกันของแข็ง ที่มีขนาด 50 mm ขึ้นไป
- 2 ป้องกันของแข็ง ที่มีขนาด 12 mm ขึ้นไป
- 3 ป้องกันของแข็ง ที่มีขนาด 2.5 mm ขึ้นไป
- 4 ป้องกันของแข็ง ที่มีขนาด 1 mm ขึ้นไป
- 5 ป้องกันฝ่นได้ แต่อาจ มีฝุ่นเล็กน้อยเล็ดลอดเข้าไป โดยฝุ่นที่ลอดเข้าไปจะไม่มผลต่อการทำงานอุปกรณ์
- 6 ป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์
ตัวเลขหลักที่ 2 : การป้องกันของเหลว
- 0 หรือ X ไม่มีการป้องกันใดๆ
- 1 ป้องกันหยดน้ำที่ตกกระทบในแนวตั้งกับตัวอุปกรณ์เท่านั้น
- 2 ป้องกันหยดน้ำที่ตกกระทบในแนวเฉียงรอบตัวอุปกรณ์ได้ทำมุมสูงสุด 15 องศาจากแนวตั้ง
- 3 ป้องกันละอองน้ำที่ตกกระทบในแนวเฉียงรอบตัวอุปกรณ์ได้ทำมุมสูงสุด 60 องศาจากแนวตั้ง
- 4 ป้องกันละอองน้ำที่ตกกระทบตัวอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง
- 5 ป้องกันน้ำจากการฉีดที่ตัวอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง
- 6 ป้องกันน้ำจากการฉีดแบบรุนแรงที่ตัวอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง
- 6K ป้องกันน้ำจากการฉีดแรงดันสูงที่ตัวอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง
- 7 ป้องกันการแทรกซึมของน้ำจากการแช่ตัวอุปกรณ์ในน้ำได้ที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
- 8 ป้องกันการแทรกซึมของน้ำจากการแช่ตัวอุปกรณ์ลงน้ำได้ 1 เมตร 30 เซนติเมตร ในระยะเวลา 30 นาที
- 9K ป้องกันน้ำจากการฉีดแรงดันสูงพิเศษที่ตัวอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง ที่อุณหภูมิน้ำสูงสุด 80 °C
ตัวอย่างมาตรฐาน IP ที่ส่วนใหญ่จะได้พบ
เราอาจเจอมาตรฐาน IP อยู่บ่อยๆ จากตารางตัวเลขทั้งหมดที่กล่าวมานั้น มีไม่กี่ตัวที่ถูกนำมาใช้และเป็นที่นิยมทำมาจำหน่าย ซึ่งมาตรฐาน IP ที่นิยมและเห็นได้บ่อยครั้งมีดังนี้
IP53 / 54
คือมาตรฐานที่จะเป็นตัวบอกว่าอุปกรณ์หรือเครื่องมือนั้นๆ มีความสามารถที่จะป้องกันฝุ่นได้แต่อาจมีฝุ่นเล็กน้อยเล็ดลอดเข้าไป โดยฝุ่นที่เล็ดลอดเข้าไปนั้นต้องไม่มีผลใดๆต่อการทำงานของอุปกรณ์และมีความสามารถที่จะป้องกันละอองน้ำที่ตกกระทบตัวอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง
IP65
คือมาตรฐานที่จะเป็นตัวบอกว่าอุปกรณ์หรือเครื่องมือนั้นๆ มีความสามารถที่จะป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ และมีความสามารถที่จะป้องกันน้ำจากการฉีดที่ตัวอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง
IP66
คือมาตรฐานที่จะเป็นตัวบอกว่าอุปกรณ์หรือเครื่องมือนั้นๆ มีความสามารถที่จะป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ และมีความสามารถที่จะป้องกันน้ำจากการฉีดแบบรุนแรงที่ตัวอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง
IP66K
คือมาตรฐานที่จะเป็นตัวบอกว่าอุปกรณ์หรือเครื่องมือนั้นๆ มีความสามารถที่จะป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ และมีความสามารถที่จะป้องกันน้ำจากการฉีดแรงดันสูงที่ตัวอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง
IP67
คือมาตรฐานที่จะเป็นตัวบอกว่าอุปกรณ์หรือเครื่องมือนั้นๆ มีความสามารถที่จะป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ และมีความสามารถที่จะป้องกันการแทรกซึมของน้ำจากการแช่ตัวอุปกรณ์ในน้ำได้ที่ความลึกสูงสุด 1 เมตร เป็นระยะเวลาสูงสุด 30 นาที
IP68
คือมาตรฐานที่จะเป็นตัวบอกว่าอุปกรณ์หรือเครื่องมือนั้นๆ มีความสามารถที่จะป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ และมีความสามารถที่จะป้องกันการแทรกซึมของน้ำได้ ซึ่งบางครั้งอาจจะไม่ได้เสมอไป เพราะบาง Brand ได้ระบุว่า สามารถลงน้ำด้วยความลึก 1 เมตร 30 เซนติเมตร แช่น้ำได้นาน 30 นาที
IP69K
คือมาตรฐานที่จะเป็นตัวบอกว่าอุปกรณ์หรือเครื่องมือนั้นๆ มีความสามารถที่จะป้องกันฝุ่นได้สมบูรณ์ และมีความสามารถที่จะป้องกันน้ำจากการฉีดแรงดันสูงพิเศษที่ตัวอุปกรณ์ได้จากทุกทิศทาง ที่อุณหภูมิน้ำสูงสุด 80 °C
หมายเหตุ : การทดสอบของหน่วยทดสอบมาตรฐานมักจะป้องกันน้ำ มักจะทดสอบในน้ำนิ่งๆ ดังนั้นเวลาที่
สรุปเพื่อความมั่นใจว่าสมาร์ทโฟนของคุณป้องกันน้ำได้แน่นอนความสามารถต้องเป็นระดับ IP67 หรือ IP68 ขึ้นไปเท่านั้น แต่ในชีวิตจริง ทีม Sanook! Hitech อยากจะแนะนำว่าเกี่ยวกับไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานใด ก็ไม่ควรนำมือถือจุ่มน้ำหรือลงน้ำแข็ง เป็นระยะเวลานาน เพราะถ้าเกิดปัญหา ผู้ผลิตส่วนใหญ่ได้ระบุในคู่มือไว้ว่า จะไม่ครอบคลุมเงื่อนไขการรับประกัน ซึ่งทั้ง iPhone, Huawei หรือ Samsung ได้มีการระบุอย่างชัดเจนแล้วในคู่มือแล้ว