ทอง (ไม่) แท้แพ้ไฟ : ถ้วยฟุตบอลโลกใบแรกไม่ได้ทำจากทอง และถูกขโมยไปหลอมแล้ว

Home » ทอง (ไม่) แท้แพ้ไฟ : ถ้วยฟุตบอลโลกใบแรกไม่ได้ทำจากทอง และถูกขโมยไปหลอมแล้ว
ทอง (ไม่) แท้แพ้ไฟ : ถ้วยฟุตบอลโลกใบแรกไม่ได้ทำจากทอง และถูกขโมยไปหลอมแล้ว

ทองแท้ไม่แพ้ไฟ สำนวนไทยที่ใช้เทียบผู้ยึดมั่นในความดีว่าเป็นดั่งทอง แม้โดนไฟหลอมละลายไป ก็ยังคงความเป็นทอง อันเปี่ยมด้วยคุณค่าในตัวอยู่

เป็นเรื่องยากที่จะหาทองแท้ในยุคปัจจุบัน แม้แต่ถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกทั้งสองยุค ก็ไม่เคยใช้ทองแท้แบบ 24 กะรัตเลย แถมกับโทรฟี่รุ่นแรกอย่างถ้วย “จูลส์ ริเมต์” ผู้ประดิษฐ์เลือกใช้วิธี “ชุบสีทอง” เลยด้วยซ้ำ ก่อนจะเกิดเหตุปล้นถ้วยไปหลอมอันโด่งดังนี้

เท้าความกันก่อน ทองคำที่บริสุทธิ์ 100% นั้นแทบไม่อาจเกิดขึ้นได้ในโลกแห่งความจริง นอกจากทองคำเป็นโลหะที่ยืดหยุ่นง่าย จนต้องผสมโลหะชนิดอื่นไปเสริมความแกร่งให้ถ้วยรางวัลกับจิลเวอรี่แล้ว การทำให้ทองบริสุทธิ์จริง ๆ ต้องส่องกล้องจุลทรรศน์ เพื่อแยกอะตอมโลหะอื่นออก แม้จะพูดฟังดูง่าย แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

 


Photo : gajreport.com

สำหรับการซื้อขายโดยทั่วไป ความบริสุทธิ์ 99.9999% ถือเป็นขั้นสุดแล้ว เท่าที่มีการนำออกขายทอดตลาดจนถึงในปัจจุบัน

ย้อนกลับไปในปี 1930 ฟุตบอลโลกสมัยแรกได้ลงฟาดแข้งกันที่ประเทศอุรุกวัย โดยมี จูลส์ ริเมต์ ประธานฟีฟ่าในสมัยนั้น เป็นตัวตั้งตัวตีจัดการแข่งขัน

และเพื่อเป็นเกียรติแก่ชาติผู้ชนะ ถ้วยรางวัลสำหรับ “แชมป์โลก” จึงได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น โดย อเบล ลาเฟลอร์ ประติมากรชาวฝรั่งเศส ผู้รังสรรค์โทรฟี่สูง 35 เซนติเมตร หนัก 3.8 กิโลกรัม โดยใช้เงินที่มาจากแร่เงินบริสุทธิ์ 92.5% ควบคู่กับโลหะอื่น ๆ 7.5% ตั้งตระหง่านบนฐานจากหินลาพิส ลาซูลี อันประกอบด้วยสามแร่สำคัญ คือ แร่ไพไรท์, คาลไซท์, และลาซูไรท์ ก่อนจะนำส่วนบนของถ้วยไปชุบสีทองให้ดูสวยงามแบบที่คุ้นตากัน

โทรฟี่ใบนี้เป็นที่รู้จักตั้งแต่ ค.ศ. 1946 ว่าถ้วย “จูลส์ ริเมต์” โดยจะถูกมอบให้ทีมที่ได้แชมป์นำไปจัดแสดงได้ 4 ปี ก่อนส่งมอบคืนให้กับฟีฟ่า เพื่อให้แก่ชาติที่ชนะในปีนั้น ๆ นำไปโชว์ต่อได้

 


Photo : www.dailymail.co.uk | PA Archive


Photo : www.bbc.com

ถ้วย “จูลส์ ริเมต์” ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มันถูกย้ายออกจากตู้เซฟในธนาคารอิตาลี นำมาซ่อนในกล่องรองเท้าใต้ที่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารนาซียึดมันไปได้ และใน ค.ศ. 1966 มันถูกขโมยระหว่างจัดแสดงอยู่ที่อังกฤษ ก่อนหน้าที่ฟุตบอลโลกครั้งแรกบนแดนสิงโตคำรามจะเปิดฉากไม่กี่เดือน ก่อนจะถูกพบใน 1 อาทิตย์ให้หลัง ด้วยความช่วยเหลือจากสุนัขชื่อ พิกเกิ้ลส์ และนำกลับมาส่งมอบต่อได้อย่างปลอดภัย


Photo : www.theguardian.com

หนึ่งในความคลาสสิคของถ้วยรางวัลใบนี้ คือชาติที่คว้าแชมป์ได้ครบ 3 ครั้ง จะปลดล็อคกรรมสิทธิ์นำถ้วยไปเป็นเจ้าของแบบถาวรได้ โดยหลังจากบราซิลความแชมป์โลกใน ค.ศ. 1958, 1962, และ 1970 ทำให้ฟีฟ่าได้ส่งมอบถ้วยใบนี้ให้ โดยพวกเขามูฟออนไปผลิตถ้วยใบใหม่ ที่มีความสูง 36.5 เซนติเมตร ใช้ทองคำ 18 กะรัต น้ำหนักรวม 6.1 กิโลกรัม ก่อนจะเริ่มมอบให้กับผู้ชนะในฟุตบอลโลก 1974 และยังใช้งานมาจนถึงในปัจจุบัน

 

กลับมาที่ถ้วยใบเดิม มันถูกนำไปจัดแสดงที่สำนักงานใหญ่สมาคมฟุตบอลบราซิล ในตู้โชว์ที่ติดตั้งกระจกกันกระสุนไว้ โทรฟี่ “จูลส์ ริเมต์” อยู่ในนั้นอย่างปลอดภัยนาน 13 ปี จนมีคนพบจุดอ่อนของตู้นี้


Photo : www.express.co.uk


Photo : www.scotsman.com

19 ธันวาคม ค.ศ. 1983 ด้านหลังของตู้โชว์มีร่องรอยถูกงัด ถ้วยใบตำนานหายสาบสูญไปตลอดกาล และเป็นเวลาเกือบ 40 ปีแล้ว ที่ไม่มีแม้แต่ร่องรอยโผล่มาให้เห็น จนทำให้เชื่อได้ว่าถ้วยแชมป์โลกใบแรกนี้ ได้ถูกนำไปหลอมและขายทอดตลอดแล้ว

หากมันถูกหลอมจริง ขโมยรายดังกล่าวจะได้แค่แร่เงินเหลวไปเท่านั้น เพราะอย่างที่ระบุไว้ในตอนต้นว่าถ้วยใบนี้มันเป็นทองปลอม สิ่งเดียวที่ไม่อาจเทียบด้วยมูลค่าได้ คือความยิ่งใหญ่ที่ส่งต่อมาจากบอลโลกยุคแรก ที่ได้หายวับไปโดยไม่มีวันหวนคืนได้แล้ว

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ