“แค่หวัดทำไมถึงตายได้?” แพทย์เผย ไข้หวัดใหญ่และหวัดธรรมดามีความแตกต่างกัน แนะสังเกต 5 อาการที่ช่วยแยกแยะได้
กรณีข่าวใหญ่เมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) การเสียชีวิตของดาราสาว “ต้าเอส” หรือ สวีซีหยวน นักแสดงชื่อดังจากไต้หวัน ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่และเกิดปอดอักเสบ ขณะอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ก่อนเสียชีวิตลงในวัย 48 ปี ทำให้หลายคนสงสัยว่า “แค่หวัดทำไมถึงตายได้?”
ในเรื่องนี้ คุณหมอฮู ฮ่าวชุน (胡皓淳) ผู้อำนวยการแผนกหู คอ จมูก ของโรงพยาบาลฟู่ต้า (輔大醫院) ในไต้หวัน อธิบายว่า ไข้หวัดใหญ่และหวัดธรรมดามีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยไข้หวัดใหญ่จะมีอาการแย่ลงอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงคืนเดียว ซึ่งทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนแอมาก มีไข้สูง และปวดตามร่างกายหลายวัน จนบางคนลุกจากเตียงไม่ได้ในวันถัดไป ต่างจากหวัดธรรมดาที่อาการจะค่อยๆ แย่ลงทีละน้อย ซึ่งแนะนำให้สังเกตจาก 5 อาการหลักที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ความเร็วในการเริ่มแสดงอาการ – ไข้หวัดใหญ่จะเริ่มแสดงอาการเร็วมาก ในขณะที่หวัดธรรมดาจะค่อยๆ เริ่มแสดงอาการ
- ระดับความอ่อนเพลีย – ไข้หวัดใหญ่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียมากจนทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ ส่วนหวัดธรรมดาจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัวแค่เล็กน้อย
- อาการไข้ – ไข้หวัดใหญ่จะมีไข้สูงเกิน 38 องศาเซลเซียส และยืดเยื้อหลายวัน แต่หวัดธรรมดามักมีไข้ต่ำหรือไม่ค่อยมีไข้เลย
- อาการปวดกล้ามเนื้อและข้อ – ไข้หวัดใหญ่จะทำให้ปวดกล้ามเนื้อและข้ออย่างรุนแรง อาจรู้สึกเหมือนทุกส่วนของร่างกายเจ็บ ในขณะที่หวัดธรรมดาจะมีอาการปวดน้อยหรือไม่มีเลย
- อาการเจ็บคอ – เจ็บคอไม่ใช่อาการหลักของไข้หวัดใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็นแค่เล็กน้อย ในขณะที่หวัดธรรมดามักมีอาการเจ็บคอหรือคอแห้ง
คุณหมอยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า เมื่อไข้หวัดใหญ่รุนแรงมากพอจนทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ต่างๆ ตามปกติได้ เช่น หายใจได้สบาย คิดได้อย่างชัดเจน กินอาหาร ดื่มน้ำ และเข้าห้องน้ำ จำเป็นต้องไปห้องฉุกเฉินทันที และผู้ที่มีอาการป่วยเรื้อรังควรโทรติดต่อแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเมื่อมีอาการป่วยเป็นครั้งแรก
- เปิดไทม์ไลน์อาการป่วย “ต้าเอส” สวีซีหยวน เสียชีวิตที่ญี่ปุ่น หลังไปเที่ยวกับครอบครัว 5 วัน
- HMPV หรือไข้หวัดใหญ่? แพทย์แนะนำวิธีสังเกตความแตกต่าง ที่สามารถเห็นได้บน “ผิวหนัง”