ติเต ผู้จัดการทีมชาติบราซิล ยกย่อง คาเซมิโร ว่าเป็นกองกลางที่ดีสุดในโลก พร้อมระบุว่าทัพ “แซมบา” คิดถึงการขาดหายไปของ เนย์มาร์

บราซิล โชว์ฟอร์มเยี่ยมอย่างต่อเนื่องหลังล่าสุดเฉือนเอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มจี นัดที่สอง เมื่อวันที่ 28 พ.ย. จากประตูชัยของ คาเซมิโร นาที 83

จากผลที่เกิดขึ้นทำให้ทัพ “แซมบ้า” มีเพิ่มเป็น 6 คะแนนจาก 2 นัดการันตีการเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายแน่นอนแล้ว พร้อมเป็นทีมที่ 2 ซึ่งได้ผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ต่อจาก ฝรั่งเศส ด้าน “แดนนาฬิกา” หยุดอยู่ที่ 3 คะแนนจาก 2 นัดอยู่อันดับ 2 ของกลุ่ม

นอกจากนั้น บราซิล ยังทำสถิติเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกซึ่งไม่แพ้ใครในรอบแบ่งกลุ่ม 17 นัดติดต่อกัน รวมถึงเป็นการชนะ สวิตเซอร์แลนด์ ครั้งแรกในเวิลด์ คัพ หลังเจอกันมา 1 นัดก่อหน้านี้

Brazil’s Casemiro celebrates after scoring his side’s opening goal during the World Cup group G soccer match between Brazil and Switzerland, at the Stadium 974 in Doha, Qatar, Monday, Nov. 28, 2022. (AP Photo/Andre Penner)

หลังการแข่งขัน ติเต ให้สัมภาษณ์เห็นด้วยกับ เนย์มาร์ ที่ว่า คาเซมิโร คือกองกลางที่ดีที่สุดในโลกมาอย่างยาวนาน “ผมเคารพความคิดเห็นของผู้อื่นเสมอ และโดยปกติแล้วผมจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับพวกเขา แต่วันนี้ผมจะยอมให้ตัวเองทำเช่นนั้น ผมเห็นด้วย”

นอกจากนั้นเฮดโค้ชวัย 61 ปียังรับว่า บราซิล คิดถึงการขาดหายไปของ เนย์มาร์ หลังแข้งรายนี้ได้รับบาดเจ็บข้อเท้ามาจากเกมนัดแรก และไม่ได้ลงสนามในแมตช์ที่ผ่านมา “เนย์มาร์มีทักษะที่แตกต่างออกไป เขาเป็นนักเตะที่มีช่วงเวลามหัศจรรย์ และสามารถเลี้ยงบอลผ่านใครต่อใครได้ เขามีทักษะนั้น นักเตะคนอื่นๆ กำลังก้าวไปสู่ระดับเดียวกับ เนย์มาร์ และผมหวังว่าพวกเขาจะไปถึงที่นั่น ดังนั้นเราจึงคิดถึง เนย์มาร์ เขามีพลังสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่”

ขณะที่ คาเซมิโร ผู้ยิงประตูชัยกล่าวถึงความรู้สึกว่า “มันชัดเจนมากว่าเป้าหมายแรกสุดของผมคือการสนับสนุนทีม ไม่ว่าจะยิงประตูได้แค่ไหน ผมคิดว่าการช่วยทีมเป็นเรื่องสำคัญมาก เมื่อเราชนะ เราทุกคนชนะด้วยกัน เมื่อเราแพ้ เราทุกคนก็แพ้ด้วยกัน”

ด้าน มูรัต ยาคิน เฮดโค้ชสวิตเซอร์แลนด์กล่าวว่า “ผมโทษทีมไม่ได้จริงๆ วันนี้พวกเขาทำผลงานได้ดี เรามีโอกาสที่ดีมากมายสำหรับเกมหน้า นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เราควบคุมได้”

ทั้งนี้เกมนัดสุดท้าย บราซิล จะพบกับ แคเมอรูน วันที่ 2 ธ.ค. ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ จะพบกับ เซอร์เบีย ในวันเดียวกัน