ติดโควิดให้อยู่บ้าน ทำอย่างไร – สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้สัมภาษณ์ นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาฯ สปสช. ถึงแนวทางการทำ Home isolation วึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าปัญหาเตียงไม่พอเป็นเรื่องที่ถูกเลี่ยงที่จะยอมรับจากรัฐบาล แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่เคยโกหก ภาพเหล่าประชาชนผู้ติดเชื้อนอนรอความช่วยเหลือและทลอยล้มตายเป็นจำนวนมากในแต่ละวันเนื่องจากไม่ได้รับเข้าสู่ระบบการรักษาจากโรงพยาบาล แต่จะดีกว่าไหมหากผู้ติดเชื้อสามารถรักษาตัวเองได้ที่บ้าน ซึ่งจะแบ่งกลุ่มผู้ป่วยเป้นกลุ่มสีเขียวและสีแดงโดยกระทรวงสาธารณสุขได้มีการคุยแผนงานคร่าวๆกับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา เกี่ยวกับการลดจำนวนติดเชื้อและเสียชีวิตว่า
เป้าหมายในการลดจำนวนการสูญเสียคือการเร่งช่วยเหลือกกลุ่มสีเขียวก่อน กระทรวงสาธารณสุขยังมีทีมที่ไปตรวจตามบ้าน เพื่อช่วยผู้ป่วยติดเตียง และ ตั้งใจจะมีสัก 200 ทีม ซึ่งอยู่ในขั้นตอนกำลังพัฒนา ส่วนใหญ่คนที่ติดเตียงจะรับบริการกับกลุ่ม อสม. อยู่แล้ว ให้กลุ่มนี้ลงไปสำรวจว่ามีกี่คน ซึ่งหากกลุ่มนี้ป่วยให้เอาเข้าโรงพยาบาล หากไม่ป่วยจะฉีดวัคซีนให้ทันที
แนวทางการคัดกรองผู้ป่วยกลุ่ม สีเขียว เหลือง แดง
จะต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนประชาชนท่านใดมีอาการ ขอให้เข้ารับการคัดกรอง ทั้งจุดคัดกรองหลาย ๆ ที่ของ สปสช, กทม. หรือใช้ชุดตรวจเร่งด่วนแบบ Rapid Test (รอการอนุมัติ) หากท่านเป็น เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว อาการเล็กน้อย ไอ เจ็บคอ ซึ่งมีมากกว่า 80% ให้ทำการกักตัวที่บ้านไม่ต้องไปโรงพยาบาล ไม่ต้องไปเสี่ยงติดเชื้อเพิ่มจากผู้ป่วยรายอื่นๆ และเพื่อเหลือเตียงไว้ให้ผู้ป่วยที่มีอาการหนักกว่า อีกทั้งทางแพทย์ยอมรับ คนไข้ส่วนใหญ่ที่ติดโควิด อาการไม่มาก มา รพ. ก็นั่ง ๆ นอน ๆ ส่วนคนที่อาการหนักก็ตายในบ้าน
อีกทั้งยังสามารถ โทร. 1330 ต่อ 14 เพื่อให้คุยกับแพทย์ทันที เพื่อส่ง เครื่องวัดออกซิเจน, ยาฟาวิพิราเวียร์, ยาฟ้าทะลายโจร, มีการไลน์ วิดีโอคอล พูดคุยกับหมอโดยการกักดีที่สุดคืออยู่คนเดียว แต่หากอยู่กับคนในครอบครัวก็ต้องช่วยกันดูแลอย่ารังเกียจพยายามให้ใช้ห้องน้ำคนสุดท้ายแล้วใช้น้ำยาฆ่าเชื้อ ซึ่งหากครบ14 วัน มีแนวโน้มว่าจะเป็น เหลือง แดง ให้แจ้ง 1330 จะช่วยหาโรงพยาบาลสนามหรือ community isolation เพราะผู้ป่วยที่เข้าข่าย แดง เหลือง มักจะเป็นผู้สูงอายุมีโรคอ้วน โรคประจำตัว เบาหวาน ความดัน ซึ่งหากอยู่ในกลุ่มนี้แล้วติดเชื้อจำเป็นต้องพยายามนำเข้าระบบการรักษาโรงพยาบาลให้ได้ แต่หากครบ 14 วัน ถ้าไม่มีอาการอะไรก็ถือว่าหาย
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
