การออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ถือเป็นหนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของสถานที่ เพียงแค่มีรองเท้าวิ่งที่เหมาะสมก็สามารถออกกำลังกายได้แล้ว
แต่ถ้าคิดจะวิ่งอย่างจริงจังเพื่อลงแข่งขัน โดยเฉพาะการวิ่งระยะไกลอย่างฮาล์ฟมาราธอน (21 กม.) และมาราธอน (42.195 กม.) นักกีฬาควรใส่ใจเรื่องการตรวจสุขภาพก่อนเป็นลำดับแรก เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเสียชีวิตโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า (Sudden Cardiac Death)
ทั้งนี้ จากข่าวที่พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากอาการหัวใจวายขณะวิ่งนั้น เป็นเพราะนักวิ่งอาจป่วยโดยโรคบางชนิดแต่ไม่รู้ตัว โดยเฉพาะโรคหัวใจ เมื่อร่างกายต้องใช้กำลังมากกว่าปกติจึงส่งผลต่อการเต้นของหัวใจได้
จากข้อมูลของโรงพยาบาลสมิติเวช โดยนายแพทย์ประพนธ์ ดิษฐ์รุ่งโรจน์ ได้อธิบายถึงเหตุผลและความสำคัญในการตรวจสุขภาพก่อนการวิ่งไว้ดังนี้
ค้นหาโรคร้ายที่ซ่อนอยู่
รู้หรือไม่ว่าการตรวจคัดกรองหรือตรวจสุขภาพประจำปีทั่วไปอาจตรวจไม่พบโรคร้ายที่ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะโรคหัวใจ ซึ่งการออกแรงมากเกินกว่าปกติต่อเนื่องกันเป็นเวลานานจะส่งผลโดยตรงกับการเต้นของหัวใจ ส่งผลให้หน้ามืด เป็นลม เเน่นหน้าอก ใจสั่น หรือเสียชีวิต รวมถึงโรคร้ายอื่นๆ เช่น โรคเนื้อเยื่อสมองเสื่อมรุนแรงเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของนักอเมริกันฟุตบอลชื่อดังอย่าง Mike Webster มาแล้ว เพราะไม่ยอมตรวจสุขภาพก่อนลงแข่ง
ประเมินความเสี่ยง
จากการวิจัยของมหาวิทยาลัย Harvard University พบว่าในทุกปี มีคนหนุ่มสาวเสียชีวิตขณะเล่นกีฬามากกว่า 200-300 คน จากโรคหอบหืดและโรคลมแดด ซึ่งการวิ่งมาราธอนต้องใช้ทั้งกำลังกายและกำลังใจมากกว่าปกติ การพบแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงก่อนออกวิ่งจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
ตรวจหาสภาวะที่ห้ามออกกำลังกายด้วยการวิ่ง
ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว อาทิ โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ส่งผลให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงหัวใจได้ตามปกติ ดังนั้นการออกกำลังกายที่หนักหน่วงเกินความสามารถของร่างกายอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพมากกว่าผลดี ผู้มีโรคประจำตัวจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนวิ่งเสมอ
ตรวจหาความเสี่ยงการบาดเจ็บ
ผู้ที่เคยมีประวัติการบาดเจ็บขณะวิ่งมาก่อน อาจส่งผลให้เกิดการอักเสบต่อเนื่องและเรื้อรังได้หากไม่หยุดพักฟื้นร่างกายจนหายดี รวมถึงนักวิ่งที่ไม่ได้รับการฝึกอย่างถูกต้องด้วย ซึ่งการพบแพทย์จะช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บซ้ำที่เป็นสาเหตุให้ต้องหยุดวิ่งเป็นเวลานานได้
เช็กความฟิตของร่างกาย
ในการตรวจเช็กความฟิตของร่างกาย แพทย์จะดูอัตราการใช้ออกซิเจนสูงสุดของร่างกายขณะออกกำลังกาย โดยการตรวจ Aerobic test (VO2 max test) หากมีค่าสูงก็แสดงว่ามีความฟิตมาก ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับนักวิ่งที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเองด้วยความเร็วหรือระยะทาง รวมถึงจะช่วยวางแผนการจัดโปรแกรมการฝึกที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ