Dr.TATTOF ตัวจริงการรักษาด้วยนวัตกรรมเลเซอร์อันดับ 1 ของเอเชีย ด้านการลบรอยสัก ฉลองเปิดสาขาเมกา บางนา ดึงสตรีทอาร์ตชื่อดัง Benzilla ร่วมคอลลาบอเรชั่น เอาใจวัยรุ่นรักงานศิลป์

เป็นตัวจริงในการรักษาด้วยนวัตกรรมเลเซอร์อันดับ 1 ของเอเชีย ด้านการลบรอยสัก ด็อกเตอร์แททออฟ คลินิก (Dr.TATTOF Clinic) ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาเลเซอร์ทางการแพทย์ ฉลองการก้าวสู่ปีที่ 8 เดินหน้าขยายธุรกิจเปิดสาขา เมกา บางนา พร้อมร่วมสร้างสรรค์งานกับศิลปินสตรีทอาร์ตแถวหน้าของเมืองไทย BENZILLA สร้างสรรค์งานศิลปะ

นายแพทย์นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ ประธานกรรมการและผู้ก่อตั้ง ด็อกเตอร์แททออฟ คลินิก กล่าวว่า ความสำเร็จในวันนี้เนื่องมาจากความไว้วางใจจากกลุ่มผู้ใช้บริการแก้ปัญหาการลบรอยสัก และการตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาผิวพรรณและความงาม พร้อมด้วยการเลือกใช้เลเซอร์ทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US-FDA) มาให้บริการเป็นรายแรกของประเทศไทย

“นวัตกรรมเทคโนโลยีเลเซอร์มีการพัฒนาอยู่เสมอ ด็อกเตอร์แททออฟ คลินิก ให้ความสำคัญมากในการเลือกเลเซอร์มาให้บริการ ผมต้องเดินทางไปต่างประเทศเพื่อศึกษาและเลือกเครื่องเลเซอร์ด้วยตัวเอง ซึ่งด็อกเตอร์แททออฟ คลินิก ได้นำ พิโค่เวย์ (PicoWay) เลเซอร์ทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US-FDA) มาให้บริการ เลเซอร์ตัวนี้ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีจนสามารถลบรอยสักได้ทุกสี

เนื่องจาก พิโค่เวย์ เป็นเลเซอร์ระดับ Pico-second จะมีหัว Wavelength ในการลบเฉพาะสี โดยเฉพาะสีที่ลบยาก สีเขียวและสีฟ้า และสีที่สักทับกันหลายชั้น สามารถเข้าทำลายเม็ดสีจากรอยสักได้ทุกสีอย่างจำเพาะเจาะจง ใช้เวลาน้อยกว่า ผลข้างเคียงน้อยกว่า ไร้รอยแผลเป็น ซึ่งด็อกเตอร์แททออฟ คลินิก เป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวที่นำเข้ามาให้บริการในประเทศไทย”

นวัตกรรม พิโค่เวย์ นี้ไม่ได้ใช้เฉพาะการแก้ไขปัญหาเรื่องการลบรอยสักเท่านั้น ยังสามารถช่วยตอบโจทย์ปัญหารอยดำ รอยแผลเป็น รอยแตกลาย ได้อีกด้วย จากผลการักษาด้วยนวัตกรรมนี้เป็นที่ยอมรับของกลุ่มผู้มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

รวมถึงการได้รับรางวัล Best Achieve Tattoo Removal Treatment Award in Asia รางวัลด้านการลบรอยสักที่ดีที่สุดอันดับ 1 ในเอเชีย จากบริษัท Candela Medical ผู้ผลิตเลเซอร์ทางการแพทย์ พิโค่เวย์ เป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้บริการได้ว่า ด็อกเตอร์แททออฟ คลินิก คือ “ผู้นำด้านเลเซอร์ลบรอยสัก” ตัวจริง

ทั้งนี้ในมุมของแพทย์ผู้ก่อตั้ง ด็อกเตอร์แททออฟ คลินิก ผู้รับแก้ไขปัญหาผิวและลบรอยสัก ได้ให้ทัศนะคติถึงศิลปะการสักบนเรือนร่างอย่างน่าสนใจว่า ปัจจุบันการสักลวดลายต่างๆ บนเรือนร่างเป็นแฟชั่นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายไม่แตกต่างจากเสื้อผ้า มีการเปลี่ยนไปตามยุคสมัย วันนี้ชอบวันหน้าอาจไม่ชอบแล้ว

อย่างไรก็ดี มีข้อสำคัญประการหนึ่งฝากไปถึงผู้ที่คิดอยากจะสัก นั่นคือ ก่อนตัดสินให้ช่างฝังเข็มสักลงบนผิวหนัง ควรคิดและทบทวนอย่างถี่ถ้วน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่าลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการของคลินิกจะแบ่งออกเป็นสองเหตุผลใหญ่ๆ คือ ความเบื่อ และ ส่งผลต่อการประกอบอาชีพ เนื่องจากการการสักแม้จะเป็นศิลปะที่สวยงาม

ทว่ายังเป็นข้อจำกัดในกลุ่มอาชีพบางอย่าง เพราะถือว่าไม่สุภาพ และสิ่งสำคัญอีกข้อที่จำเป็นต้องตระหนักรู้อยู่เสมอก็คือ เแม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยลบรอยสักได้เนียนขึ้น แต่การลบรอยสักนั้นยากและใช้เวลานานกว่าการสักหลายเท่านัก

การก้าวสู่ปีที่ 8 นายแพทย์นัทธพงศ์นำความชื่นชอบงานศิลป์ จึงได้ชวนสตรีทอาร์ตแถวหน้าของเมืองไทย BENZILLA หรือ เบน-ปริญญา ศิริสินสุข มาร่วมสร้างสรรค์ผลงาน Dr.TATTOF X BENZILLA ออกมาเป็นตัวการ์ตูน ที่ใส่เสื้อกาวน์ โดยจัดกิจกรรมพิเศษ ภายในงานยังมีเซเลบริตี้จากแวดวงต่างๆ อาทิ ตุ๊ก-สิริน ฉัตรวิชัย, กิ๊ก-เยาวณี นิรันดร, กรณ์ ณรงค์เดช, หลวง-พสุ ลิปตพัลลภ, แพม-อนิชา อรรถสกุลชัย, จริโมท พหูสูตร ฯลฯ

ร่วมชมผลงานพร้อมรับโปรโมชั่นดีบอกต่อ เมื่อซื้อ Value Card 29,000 บาท ได้มูลค่า 35,000 บาท (สามารถใช้กับแทนเงินสดได้ทุกบริการของ Dr.TATTOF ทุกสาขา) และรับกระเป๋าผ้าสุดพิเศษ กับคอลเลคชั่น Dr.TATTOF X BENZILLA รุ่น Limited Edition (สินค้ามีจำนวนจำกัด)

เจ้าของผลงานกราฟฟิตี้ “Dr.TATTOF X BENZILLA” เบน-ปริญญา ศิริสินสุข กล่าวว่าที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะร่วมสร้างสรรค์ผลงานแบรนด์แฟชั่นๆ มาโดย และนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมงานกับธุรกิจความงาม นับว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก ดังนั้น สำหรับแรงบันดาลใจในครั้งนี้ เมื่อได้รับการติดต่อจากคุณหมอนัทธพงศ์ ให้มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานให้กับคลินิก

จึงต้องพูดคุยกันว่าจะให้งานออกมาในมูดแอนด์โทนใด สุดท้ายก็ได้ความลงตัวที่สีขาวและสีดำ เพื่อให้เกิดเป็นรสชาติใหม่ๆ แต่ยังคงเน้นความสะอาดและการบริการคลินิก อันเป็นหัวใจหลักของด็อกเตอร์แททออฟ คลินิก ขณะเดียวกันก็สอดคล้องกับอาร์ตคาแรกเตอร์ของตัวเอง ต้องยอมรับว่างานครั้งนี้มีต่างจากที่ผ่านมาซึ่งเน้นคัลเลอร์ฟลูจัดๆ

เซเลบหนุ่มผู้หลงรักในศิลปะการสักผิวอย่าง หลวง-พสุ ลิปตพัลลภ เล่าว่าตัวเองก็สักลวดลายศิลปะบนผิวหนังมานานตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่น ถ้าส่วนตัวรอยสักแสดงให้เห็นวิธีคิดและตัวตนของเราเองในเวลานั้นๆ เมื่อเวลาผ่านมาจนสถึงวันนี้เราอาจจะมองว่าลวดลายไม่สวยหรือคุณภาพหมึกไม่ดี แต่มันก็เล่าเรื่องถึงช่วงเวลานั้นๆ

แต่สำหรับในรายที่สักแล้วกระทบต่อการดำเนินชีวิต ต้องบอกว่าเป็นความโชคดีที่ปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีทันสมัยพัฒนามากขึ้นจากสมัยก่อนที่สามารถลบรอยต่างๆ ได้อย่างสะดวกและไม่ทำลายผิวหนัง ทั้งนี้อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงวัยรุ่นหรือผู้ที่กำลังตัดสินใจจะสักลวดลายศิลปะบนผิว ให้ถามตัวเองหลายๆ รอบว่าชอบลวดลายดังกล่าวจริงๆ หรือไม่

อีกข้อที่อยากให้ตระหนักถึงมากที่สุด คือการประกอบสัมมาอาชีพในอนาคต เพราะถึงแม้ว่าทุกวันนี้สังคมจะเปิดกว้างมากขึ้น ยอมรับในสิ่งต่างๆ มากขึ้น ทว่าสำหรับบางอาขีพ รอยสักยังเป็นข้อจำกัดอยู่ ไม่เคยมีประสบการณ์สักผิว

สำหรับคุณพ่อลูกหนึ่ง กรณ์ ณรงค์เดช ทว่าเจ้าตัวได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า การสักถือเป็นการแสดงความสนใจศิลปะแขนงหนึ่งเป็นความสุนทรียภาพของแต่ละคน สำหรับคนที่สักผิวต้องยอมรับว่าหัวใจเขาเกินร้อย ต้องมีความตั้งใจและความมั่นใจมากๆ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าในสมัยก่อนเมื่อสักผิวแล้วไม่สามารถลบออกได้

หรือหากต้องลบรอยสักแต่ละครั้งยิ่งถือเป็นเรื่องยากมากๆ ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดมากกว่าตอนสักผิวหลายเท่า แตกต่างจากปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวก เมื่อรู้สึกเบื่อหรือต้องการแก้ไขก็สามารถทำได้ง่ายๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นการสักหรือการลบรอยสัก ควรศึกษาข้อมูลต่างๆ ให้ดีทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

เช่นเดียวกับเซเลบริตี้สาว แพม-อนิชา อรรถสกุลชัย ถึงจะไม่เคยมีประสบการณ์ลบรอยสักผิว แต่มาแชร์ประสบการณ์เลเซอร์ผิว โดยสาวหน้าหมวยเล่าว่า เพราะเธอเป็นผู้หญิงรักสวยรักงาม แต่มีรอยปานแดงตรงบริเวณใต้ดวงตา เธอจึงตัดสินใจเข้ารับการบริการด้วยเลเซอร์ ซึ่งแน่นอนว่าต้องศึกษาข้อมูลมากพอสมควรทั้งในเรื่องประสบการณ์ของแพทย์ และเทคโนโลยีว่ามีความปลอดภัยแค่ไหน

เนื่องจากเป็นบริเวณที่อยู่บนใบหน้า จึงต้องให้ความสำคัญมากๆ และผลที่ได้รับก็คือนอกจากจะไม่ทำให้ผิวหน้าเสียหายแล้ว ยังทำให้เธอมีความมั่นใจในการดำเนินชีวิตมากยิ่งขึ้น ดังนั้น สิ่งหนึ่งที่อยากฝากถึงคนที่กำลังคิดอยากจะแก้ไขปัญหาหรือข้อบกพร่องของผิวหนัง

สิ่งสำคัญคือการพยายามหาข้อมูลให้ดี ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีช่องทางมากมายเราสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ข้อมูลบางอย่างก็ไม่ถูกต้องหรือได้มาตฐานความปลอดภัยเสมอไป เมื่อทำแล้วแทนที่จะสวยกลับกลายเป็นสร้างความเสียหายให้แก่ผิวหนังมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยทำให้เรื่องการลบรอยสักรวมถึงรอยแผลเป็นต่างๆ ได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าการสักผิวสามารถทำได้ภายในวันเดียว ทว่าการลบรอยสักต้องใช้เวลานานเป็นปีกว่าจะลบได้หมด ซึ่งไม่เพียงแค่เสียเวลา ยังเสียเงินมากกกว่าตอนสักอีกด้วย

“สำหรับข้อดีของเทคโนโลยีของ พิโค่เวย์ (PicoWay) คือแทบจะไม่มีผลข้างเคียงเลย แค่คนไข้งดโดนน้ำ 24 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงแสงแดด หลีกเลี่ยงการเสียดสีในบริเวณที่ทำเลเซอร์เท่านั้น อาจจะมีแดง บวม ช้ำ อยู่ประมาณ 5-7 วัน แต่อาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไป พอครบ 1 เดือนรอยสักจะค่อยๆ จางลง

ซึ่งถือว่าเป็นการดูแลง่ายมาก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคน จะต้องทำประเมินก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อปรับค่าพลังงานให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน อย่างคนที่มีสีผิวเข้ม ต้องปรับค่าพลังงานให้ต่ำลงมาเล็กน้อย หรือบริเวณผิวบางอย่าง ข้อเท้า ข้อมือ เป็นตำแหน่งของผิวที่ลบรอยสักยากกว่าผิวบริเวณอื่น ก็ต้องปรับค่าพลังงานให้ต่ำลงเช่นกัน

ในขณะเดียวกันมีคำถามจากลูกค้าบางรายเกี่ยวกับข้อกังวลเรื่องอาหารการกินว่าจะส่งผลข้างเคียงต่อผิวหลังผ่านการเลเซอร์ผิว ต้องขอย้ำตรงนี้เลยว่าไม่มีผลใดๆ เลย รับประทานอาหารได้ทุกอย่าง”คุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาเลเซอร์ทางการแพทย์ย้ำ

สนใจเข้ารับบริการหรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ ด็อกเตอร์ แททออฟ คลินิก ได้ทั้ง 10 สาขา Facebook: https://www.facebook.com/dr.tattof IG: dr.tattof และ LINE: @dr.tattof