ศาลอินโดนีเซียตัดสินจำคุก TikToker รายหนึ่งเกือบ 3 ปี หลังจากเธอพูดคุยกับภาพของพระเยซูในโทรศัพท์และบอกให้พระองค์ตัดผม

ราตู ธาลิซา (Ratu Thalisa) หญิงข้ามเพศชาวมุสลิมที่มีผู้ติดตามบน TikTok กว่า 442,000 คน ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานเผยแพร่ความเกลียดชังภายใต้กฎหมายว่าด้วยคำพูดแสดงความเกลียดชังทางออนไลน์ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง

เมื่อวันจันทร์ที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลในเมืองเมดาน จังหวัดสุมาตรา ตัดสินจำคุก ธาลิซา เป็นเวลา 2 ปี 10 เดือน โดยระบุว่าคำพูดของเธออาจส่งผลกระทบต่อ “ความสงบเรียบร้อยของประชาชน” และ “ความกลมเกลียวทางศาสนา”

โดยการตัดสินดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีกลุ่มชาวคริสต์หลายกลุ่มยื่นฟ้องเธอในข้อหาดูหมิ่นศาสนา

องค์กรสิทธิมนุษยชน รวมถึง แอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล (Amnesty International) ได้ออกมาประณามคำตัดสินนี้ โดยเรียกมันว่า “การโจมตีเสรีภาพในการแสดงออกอย่างน่าตกใจ” และเรียกร้องให้ยกเลิกคำตัดสิน

อุสมาน ฮามิด ผู้อำนวยการแอมเนสตี อินโดนีเซีย กล่าวว่า “ทางการอินโดนีเซียไม่ควรใช้กฎหมายข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และธุรกรรม (EIT) มาลงโทษประชาชนจากการแสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย”
กฎหมาย EIT ของอินโดนีเซียซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2008 และมีการแก้ไขในปี 2016 นั้น ถูกวิจารณ์มาโดยตลอดว่าอาจเป็นภัยต่อเสรีภาพในการแสดงออก

จากข้อมูลของแอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล ระหว่างปี 2019-2024 มีประชาชนอย่างน้อย 560 คนถูกตั้งข้อหาภายใต้กฎหมายนี้ และ 421 คนถูกตัดสินว่ามีความผิด ซึ่งรวมถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงบนโซเชียลมีเดีย

ในปี 2023 หญิงชาวมุสลิมรายหนึ่งถูกตัดสินจำคุก 2 ปี ในข้อหาหมิ่นศาสนาอิสลาม หลังจากเธอโพสต์วิดีโอ TikTok ที่กล่าววลีทางศาสนาก่อนรับประทานเนื้อหมู

ปี 2024 TikToker อีกรายหนึ่งถูกควบคุมตัวหลังจากโพสต์แบบทดสอบถามเด็กๆว่า สัตว์ชนิดใดสามารถอ่านอัลกุรอานได้? ซึ่งถูกตีความว่าเป็นการดูหมิ่นศาสนา

ในคดีของ ธาลิซา อัยการเคยเสนอให้เธอรับโทษจำคุกมากกว่า 4 ปี และยังคงยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินล่าสุด ขณะที่ ธาลิซา มีเวลา 7 วันในการยื่นอุทธรณ์

กรณีของ ธาลิซา นับเป็นกรณีที่พบได้น้อย เนื่องจากโดยปกติ ผู้ที่ถูกดำเนินคดีภายใต้กฎหมายนี้มักเป็นชนกลุ่มน้อยทางศาสนาที่ถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นศาสนาอิสลาม แต่ในครั้งนี้เป็นกรณีที่หญิงมุสลิมถูกกล่าวหาว่าดูหมิ่นศาสนาคริสต์ ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนักในอินโดนีเซีย