โอ๊ต-ณัฐพงษ์ โพธิ์นพรัตน์ คือ นักวินด์เซิร์ฟทีมชาติไทย ที่ตั๋วผ่านเข้าสู่รอบมหกีฬาที่ยิ่งใหญ่สุดของโลก ได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
หลังจากเมื่อปี 2016 ณัฐพงษ์ เคยมีโอกาสไปโต้คลื่นในโอลิมปิก เกมส์ ที่บราซิล มาแล้ว แม้ต้องพบกับความผิดหวัง ไม่เป็นดั่งใจ แต่เขาก็พร้อมที่ไปพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในโตเกียว เกมส์ โดยมีท้องฟ้าและผืนน้ำเป็นพยาน
ย้อนกลับไปในช่วงวัยเด็ก ณัฐพงษ์ เติบโตมากับชายทะเลของเมืองพัทยา ชลบุรี โชคชะตาดลใจให้เขามีโอกาสเห็นนักกีฬาวินด์เซิร์ฟทีมชาติไทย เก็บตัวฝึกซ้อมบริเวณหาดจอมเทียนซึ่งอยู่ใกล้บ้าน
ภาพการเล่นเรือของยอดฝีมือชาวไทย ถูกฉายให้ณัฐพงษ์เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเกิดความคิดขึ้นในหัวว่า ทำไมไม่ลองเล่นวินด์เซิร์ฟดูบ้าง
ในวัย 12 ปี ณัฐพงษ์เริ่มต้นไปยืนอยู่บนกระดาน จับที่บังคับใบเรือเพื่อโต้คลื่นตามความฝัน แต่สิ่งเดียวที่เขาได้รับจากการเล่นวินด์เซิร์ฟ คือร่วงตกน้ำ
ณัฐพงษ์ ไม่ได้ย่อท้อต่ออุปสรรค เขายอมรับว่าร่างกายของเด็ก กล้ามเนื้อที่ยังไม่แข็งแรง ไม่มีทางจะเล่นกีฬานี้ให้เก่งในพริบตา หนุ่มน้อยคนนี้ทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง ถึงจะใช้เวลาเป็นเดือน ๆ ในที่สุดเขาก็สามารถล่องวินด์เซิร์ฟเหนือผืนน้ำได้สำเร็จ
Photo : Oat Natthaphong Phonoppharat
ตอนแรก ณัฐพงษ์ ตั้งใจว่าจะเล่นวินด์เซิร์ฟเพื่อความสนุก แต่ภายในเวลาไม่ถึงปี เขาเกิดความคิดอยากลงแข่งขันเพื่อวัดศักยภาพของตัวเอง
ด้วยความเป็นเด็ก ณัฐพงษ์ ไม่ชนะการแข่งขันบ่อยนัก แต่ยิ่งแพ้มากเท่าไหร่ เขาต้องการชัยชนะมากเท่านั้น ณัฐพงษ์ในวัยที่ชื่อนำหน้าเป็นเด็กชาย จึงทุ่มเทอย่างหนัก กับการฝึกซ้อม จนเขาได้รับรางวัลที่คู่ควร คือการเป็นนักกีฬาวินด์เซิร์ฟทีมชาติไทย ด้วยวัยเพียง 15 ปี
อย่างไรก็ตาม เพราะต้องโฟกัสให้กับการเรียนหนังสือ กว่าณัฐพงษ์จะเริ่มแข่งขันจริงจัง ในฐานะนักกีฬาทีมชาติ เขาต้องรอจนตัวเองจบการศึกษาระดับมัธยม เมื่อเข้าระดับมหาวิทยาลัย สามารถจัดการตารางเวลาชีวิตได้ง่ายขึ้น ทำให้เขามีเวลาไปฝึกซ้อม และแข่งขัน เพื่อพัฒนาฝีมือ เก็บประสบการณ์
ภายในเวลาอันสั้น ณัฐพงษ์กลายเป็นนักวินด์เซิร์ฟที่มีฝีมือ เดินทางไปแข่งขันรายการทั่วโลก และมีผลงานโดดเด่นในนามทีมชาติ จากการคว้าเหรียญทองซีเกมส์หลายสมัย (ปัจจุบันรวม 4 สมัย) และเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ จากการแข่งขัน เมื่อปี 2014 ที่ ประเทศเกาหลีใต้
Photo : Oat Natthaphong Phonoppharat
ความสำเร็จเหล่านั้น เป็นใบเบิกทางให้ณัฐพงษ์ เป็นตัวแทนประเทศไทย ลงแข่งขันในรอบคัดเลือกเพื่อไปโอลิมปิก 2016 และเขาสามารถคว้าตั๋วไปแข่งขันที่ประเทศบราซิลได้สำเร็จ
ณัฐพงษ์ต้องเจอบททดสอบของจริงในเวทีโลก เพราะโอลิมปิกจัดสถานที่แข่งขันวินด์เซิร์ฟให้ล่องเรือในอ่าว ซึ่งเป็นทะเลแบบปิด แตกต่างจากทะเลเปิดปกติ อันเป็นสังเวียนที่ณัฐพงษ์คุ้นเคยเป็นอย่างดี
บวกกับความอ่อนประสบการณ์ในสนามแบบนี้ ผลงานของเขาจึงไม่เป็นไปตามที่หวัง จบอันดับที่ 29 ของการแข่งขันเท่านั้น
ความพ่ายแพ้ในโอลิมปิก เป็นบทเรียน และแรงผลักดันสำคัญให้กับนักแล่นเรือรายนี้ เขาตั้งใจว่าจะต้องกลับไปโอลิมปิก เกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อแก้มือจากความล้มเหลวในอดีต
หากแต่หลังจากโอลิมปิก 2016 เป็นต้นมา กราฟต์การเป็นนักกีฬาของณัฐพงศ์กลับพุ่งตกลง เขาไปแข่งเอเชียนเกมส์ 2018 จบได้เพียงอันดับ 6 กลับมาโดยไม่มีรางวัลติดมือ ขณะที่ซีเกมส์อันเป็นรายการของตาย เจ้าตัวได้กลับมาแค่เหรียญเงินเท่านั้น
สิ่งเดียวที่ยึดมั่นชายหนุ่มคนนี้เอาไว้คือความหวัง เขาเชื่อตลอดว่าจะต้องมีวันของตัวเอง ดังนั้นณัฐพงศ์จึงไม่เคยหยุดฝึกซ้อม และรอให้โอกาสมาถึง เพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง
จนกระทั่งการแข่งขัน มุซซานาห์ แชมเปียนชิพ 2021 ที่มีรางวัลสำหรับผู้เป็นแชมป์ คือ สิทธิ์ไปแข่งวินด์เซิร์ฟในโอลิมปิก 2020 โอกาสของณัฐพงษ์ก็มาถึง เขาจบอันดับ 1 ในรายการนี้ คว้าตั๋วไปลุยกรุงโตเกียวได้ในที่สุด
ณัฐพงษ์ ก้าวผ่านช่วงที่ย่ำแย่กลับมาผงาดอีกครั้ง โดยในโอลิมปิก ครั้งนี้เขาตั้งเป้า ขอจบใน 10 อันดับแรก ส่วนจะทำสำเร็จหรือไหมนั้น คงต้องให้เวลาเป็นผู้ให้คำตอบ
แต่สิ่งที่เราบอกได้คือ ณัฐพงษ์ใช้ทุกช่วงเวลา ก่อนโอลิมปิก เกมส์ จะมาถึงทุ่มเทไปกับการฝึกซ้อม เพื่อทำผลงานให้ดีที่สุด กับโอกาสครั้งที่สองในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก