นายกฯ ลั่น 10 พ.ย. รู้ทุกเรื่องปมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ยันทำจริงแน่นอน ไม่เคยคิดถอยหลัง ยอมรับทุกนโยบายของรัฐบาลเป็นเดิมพันการทำงาน ย้ำทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารราชการแผ่นดิน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ขณะเดินพบปะสื่อมวลชนบนรถไฟถึงความชัดเจนเรื่องนโยบายเงินดิจิทัล Wallet 10,000 บาท ว่าวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ จะรู้เรื่องหมดทุกอย่าง ทั้งที่มาที่ไปและรายละเอียด รวมถึงไทม์ไลน์ที่ชัดเจน ทั้งนี้ ยอมรับว่า เรื่องเงินดิจิทัลอาจจะมีความเห็นต่างบ้าง แต่ก็จะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนจะเท่าไหร่นั้น ก็จะต้องมีการพูดคุยกัน ยืนยันพร้อมรับฟังทุกความเห็น ส่วนนโยบายนี้เป็นจุดเดิมพันของรัฐบาลได้เคยหาเสียงไว้

นายกฯ กล่าวว่า ก็ขอให้ประชาชนตัดสิน เพราะก็มีหลายนโยบายที่สำคัญเหมือนกัน เช่น โพลสำรวจของสื่อมวลชน ก็มีการสะท้อนถึงเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ดังนั้น เงินดิจิทัล Wallet จึงเป็นเรื่องสำคัญ รองลงมา คือ เรื่องหนี้สินครัวเรือน ซึ่งเมื่อวานก็ได้เชิญฝ่ายที่เกี่ยวข้องหารือ โดยทุกเรื่องเป็นเรื่องที่ต้องเดิมพันทั้งหมด และเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคก็เป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงการบริหารจัดการน้ำ ไปจนถึงภาคอุตสาหกรรมอีอีซี

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า จะทำเงินดิจิทัลอย่างจริงจังแน่นอน และขณะนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังก็กำลังดำเนินการอยู่ พร้อมกับประสานกับทุกฝ่าย และขณะนี้ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการเตรียม ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็บอกว่า ไม่ได้ติดอะไรเพียงแต่ได้เตือนให้ระวังไว้ในเรื่องนี้ พร้อมกับแนะนำให้จะต้องมองผลกระทบระยะยาวว่า

จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในเชิงบวกอย่างไร ทั้งที่สื่อและผู้ใหญ่หลายคนเตือน ก็รับฟังทุกฝ่าย ที่บอกว่าพูดจาไม่รู้เรื่องนั้นมันไม่ใช่ กระบวนการแต่ทุกอย่างยังอยู่ในกระบวนการมีเตือนมาตนก็ฟัง เวลาแถลงก็จะแถลงได้ครบทั้งหมด มีคำถามอะไรก็จะได้ตอบได้ พร้อมย้ำว่า เห็นใจรัฐมนตรีช่วยคลังที่ทำงานหนักมาก ที่ต้องประสานกับทุกภาคส่วน เรื่อง กกต. เรื่องทำนโยบายก็ด้วย

เหมือนเรื่องนี้ เดินหน้าก็ต้องระวังถอยหลังก็ไม่ได้ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากพูดอย่างงั้นแสดงว่าผมมีความคิดจะถอย แต่ไม่ได้คิดจะถอยหลังเลย เพราะฉะนั้นต้องทำต่อไปอย่างดีที่สุดและถูกต้องตามกฎหมายด้วย และต้องทำให้แน่ใจว่าสาธารณะชนเข้าใจ ไม่มีที่ให้สังคมต้องสงสัย

นายกรัฐมนตรียืนยันว่าจะใช้แอพเป๋าตังค์มาร่วมด้วย โดยหวังให้ประชาชนใช้นโยบายนี้ได้อย่างสบายใจ และไม่เห็นด้วยที่จะให้เป็นเงินสด เพราะหากเบิกไปไปใช้ในเมืองใหญ่ที่เศรษฐกิจดีเขียวอยู่แล้ว ไม่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลต้องการให้เมืองเล็กได้เติบโต หน้าที่รัฐบาลพร้อมรับฟังทุกภาคส่วนก่อนจะตัดสินว่าอย่างใดเกิดประโยชน์ที่สุด ไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่ทำหรือไม่รับฟังหรือดื้อที่จะทำ แต่ก็ยอมรับว่าที่พูดคุย ระหว่างผู้ใหญ่ อาจจะไม่ได้เห็นตรงกันทุกเรื่อง ซึ่งไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าGDP

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาโตเฉลี่ยแค่ร้อยละ 1.8 เวลาที่จะต้องแก้ไขปัญหาทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น พร้อมกับยืนยันเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารราชการแผ่นดินและไม่ให้สังคมมีข้อกังขา ย้ำจะทำให้ดีที่สุด ซึ่งหลายเรื่องก็ต้องพยามทำไป ก่อนจะทิ้งท้ายว่าเข้ามาทำงานตรงนี้ไม่มีสิทธิ์เหนื่อยเพราะอาสาเข้ามาทำจะต้องทำแม้เหนื่อยก็สามารถพักได้ และก็เป็นหน้าที่ที่จะต้องตอบคำถามชี้แจงต่อสื่อมวลชน