ชาวบ้านร้องเหม็นทั่วเมือง ขยะหมื่นตันทับถมเป็นกองพะเนิน น้ำในคลองเน่าเสีย หายใจลำบาก กระทบบ้านเรือน ประชาชนกว่า 400 หลังคาเรือน
วันที่ 2 ส.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากชาวบ้านในชุมชนบางรัก หมู่1, หมู่3 และ หมู่5 ต.บางรัก อ.เมืองตรัง ได้รับผลกระทบจากปัญหาบ่อกำจัดขยะเทศบาลนครตรัง (ไสลาว) ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 60 ไร่ ภายในพื้นที่สนามกีฬาทุ่งแจ้ง ต.บางรัก มีขยะหลายหมื่นตัน ที่นำมาจากเขตเทศบาลนครตรัง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และจากหลายอำเภอ รวมทั้งขยะจากเอกชน มากองรวมกันในบ่อจนสูงเป็นกองพะเนิน ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งทั่วบริเวณ
มีแมลงวันบินว่อนทั่วบริเวณ จนกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค ฝูงสัตว์ทั้งนก อีกา และฝูงวัวต่างเข้าไปรื้อคุ้ย และกัดกินขยะภายในบ่อ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนกว่า 400 หลังคาเรือน สถานที่ราชการ และผู้ที่เข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่ต่างได้รับความเดือดร้อน และไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังนอกจากนี้ยังพบเห็นมีการนำขยะไม่ทราบแหล่งที่มามาทิ้งไว้ริมถนนใกล้กับบ่อขยะเทศบาล ลำคลองตลอดแนวริมบ่อขยะมีน้ำเน่าเสีย เป็นสีดำและเขียวขุ่น ส่งกลิ่นเหม็นอีกด้วย
นายอนันต์ ไกรเทพ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.บางรัก กล่าวว่า ปัญหาที่ได้รับผลกระทบทุกวันนี้คือ กลิ่นเน่าเหม็นจากกองขยะ น้ำเน่าเสียจากกองขยะไหลลงสู่แม่น้ำลำคลองบางรัก ซึ่งเชื่อมต่อกับคลองนางน้อย และเชื่อมต่อกับแม่น้ำตรัง หากดูผลกระทบของน้ำเน่าเสียที่เกิดขึ้น ขยายเป็นวงกว้าง กับผู้ที่อาศัยอยู่ตามริมน้ำ และใช้ประโยชน์จากแม่น้ำลำคลอง และในช่วงที่มีลมพัดแรง ลมจะพัดน้ำเอาขยะ เช่นถุงพลาสติกลงไปในแม่น้ำลำคลอง ทำให้แม่น้ำเกิดการตื้นเขิน และเกิดการเน่าเสีย
ส่วนพืชผลทางการเกษตรจะได้รับผลกระทบในช่วงน้ำท่วม เนื่องจากพื้นที่ 3 หมู่บ้านดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ เกษตรกรก็ได้รับผลกระทบจากน้ำเน่าเสียเช่นเดียวกัน ส่วนปัญหาสุขภาพที่ชาวบ้านได้รับผลกระทบเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจ เพราะมีกลิ่นเหม็น โดยปกติแล้วในพื้นที่ 3 หมู่ ในอดีตจะใช้น้ำจากบ่อบาดาลดื่มกิน แต่หลังจากที่มีบ่อขยะ ก็ไม่มีใครกล้าใช้น้ำจากบ่อบาดาลมาดื่มกิน เพราะเกรงว่าน้ำเน่าจากแม่น้ำลำคลองจะซึมเข้ามาในบ่อบาดาล ชาวบ้านเกือบทั้งหมดในหมู่บ้านจะซื้อน้ำกิน
นายอนันต์ กล่าวอีกว่า ตนอยากเรียกร้องและอยากให้เกิดความชัดเจนในการแก้ไข เกี่ยวกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม แต่ปัญหาที่สำคัญกว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมคือการที่เทศบาลนครตรัง เข้ามาใช้พื้นที่สาธารณะประโยชน์ทุ่งแจ้ง มาใช้เป็นบ่อขยะ อยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบว่าการเข้ามาใช้พื้นที่สาธารณะถูกต้องตามระเบียบกฏหมายหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาเทศบาลนครตรัง ขอเข้ามาใช้จาก อบต.บางรัก ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ สมัยปี พ.ศ.2536
และได้มีการทำสัญญาเอาไว้ที่ 25 ปี โดยหลักความเป็นจริงแล้วสัญญาหมดอายุในการขอใช้พื้นที่เมื่อปี พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา เมื่อหมดสัญญาการขอใช้แล้ว แต่ทำไมเทศบาลนครตรัง ยังคงใช้พื้นที่ดังกล่าวได้อยู่ และ อบต.บางรัก ทำไมไม่นำเข้าสู่กระบวนการทำประชาคม สอบถามความคิดเห็น ผลกระทบด้านต่างๆกับชาวบ้านในพื้นที่และพื้นที่ใกล้เคียงให้ถูกต้อง ก่อนนำเข้าสู่สภาตำบล เพื่อจะได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะที่ผ่านไม่เคยมีการทำประชาคมกับชาวบ้านเลย
ขณะที่ นายวิเชษฐ์ แก้วบุญ อายุ 59 ปี ช้าวบ้านที่อาศัยอยู่ห่างจากบ่อขยะประมาณ 40 เมตร กล่าวว่า ตนเองประสบปัญหาความเดือดร้อนมาตลอดตั้งแต่มาปลูกบ้านหลังนี้ประมาณ 20 ปี ปัญหาหลักๆที่ได้รับผลกระทบคือกลิ่นเหม็น น้ำในลำคลองหน้าบ้านเน่าเสียหมด จากที่ว่าเคยหาปลา เคยใช้ประโยชน์จากลำคลอง
ปัจจุบันนี้กลับใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้เพราะน้ำเหม็น ตนและครอบครัวจำใจต้องอยู่ เพราะไม่รู้จะให้ไปอยู่ที่ไหน ที่บ้านก็มีหลานๆซึ่งเป็นเด็กเล็ก อายุตั้งแต่ 8-13 ปี รวมอยู่กันทั้งหมด 6-7 คน ที่ผ่านมาคือเหม็นตลอดเวลา และถ้าช่วงไหนมีการใช้รถแบคโฮรื้อขยะกลิ่นจะทวีความรุนแรงขึ้นอีก บวกกับกระแสลมจากทิศตะวันตกมาทิศตะวันออก
ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนไปหน่วยงานต่างๆ แต่ก็ไม่เคยได้รับการแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นเลย ส่งผลมาถึงปัญหาสุขภาพคือระบบทางเดินหายใจ และแมลงวัน บางวันหากกลิ่นหนักต้องนำหลานๆไปอยู่บ้านญาติ สิ่งที่อยากเรียกร้องคืออยากให้ย้ายบ่อขยะออกไป และที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาสอบถามถึงปัญหาที่เดือดร้อน และก่อนที่จะมาตั้งเป็นบ่อขยะก็ไม่เคยมีใครสอบถาม
ด้าน นายวราเทพ รักนาชาติ หรือโกช้อย อายุ 59 ปี ประกอบธุรกิจโรงหมูย่างห่างจากบ่อขยะประมาณ 60 เมตร กล่าวว่า ได้รับผลกระทบจากกลิ่นบ่อขยะมาเป็นระยะเวลานาน กลิ่นยิ่งมากขึ้นหากลมพัดมาแรง หรือฝนตก กลิ่นจะเหม็นเปรี้ยว และกลิ่นยังส่งไปไกลกว่า 2-3 กม. ไปจนถึงภายในเขตเทศบาลนครตรัง ส่วนเรื่องแมลงวันก็กระทบ แต่จะเป็นในบางช่วง ถ้าหน่วยงานที่รับผิดชอบแก้ไขได้ก็ดีเพราะเดือดร้อนกันหลายคน ชาวบ้านก็ไม่รู้จะเรียกร้องกันยังไงแล้ว