“ชัยธวัช” ลั่นพร้อมสู้คดียุบก้าวไกล ทำงานทุกวันให้ดีที่สุด กั๊กมีพรรคสำรอง เมินดูด สส. แต่ห่วงสังคมไทยมากกว่า ย้ำผู้แทนราษฎรที่ดี ก็คือผู้แทนราษฎรที่ดี
นายชัยธวัช ตุลาธน สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงแผนการรองรับ ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์ส่งสำนวนคดีล้มล้างการปกครองให้ศาลรัฐธรรมนูญว่าตอนนี้ก็เตรียมเรื่องการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และทำงานทุกวันให้ดีที่สุด
ส่วนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร และอาจเป็นสารตั้งต้นในการยุบพรรค จะเตรียมข้อต่อสู้อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ก็คงต้องต่อสู้เต็มที่ แม้ว่าต้องยอมรับว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อาจจะทำให้เราต่อสู้ได้ยากมากกว่าในคดีอื่นๆ แต่คงต้องต่อสู้เต็มที่ว่ามันไม่มีเหตุผลเพียงพออย่างไร ที่จะต้องมีการวินิจฉัยถึงขั้นยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งโดยปกติศาลต้องไต่สวนอยู่แล้ว
กรณีนี้มีการวิเคราะห์กันว่า สามารถนำคำวินิจฉัยจากกรณีหาเสียงมาตัดสินได้เลย นายชัยธวัช มองว่า อย่างน้อยที่สุดศาลต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องอย่างพรรคก้าวไกลได้แก้ข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ได้เสนอข้อเท็จจริง พยานผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ หากไม่เปิดให้มีการไต่สวน นายชัยธวัช ระบุว่า เรื่องนี้ คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล ว่าเมื่อไหร่ที่ศาลเห็นว่ามีข้อเท็จจริงเพียงพอแล้ว ศาลมีสิทธิ์ที่จะยุติการแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมได้เป็นหน้าที่ของพรรคก้าวไกลคงต้องต่อสู้ให้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงให้มากที่สุด โดยตนยังไม่ได้มีการคุยกันเรื่องนี้ในพรรค คิดว่าบทเรียนที่สำคัญน่าจะเป็นบทเรียนสำหรับสังคมไทยและผู้มีอำนาจมากกว่าว่า การยุบพรรคการเมืองไม่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาทางการเมืองแต่อย่างใด ซ้ำร้ายอาจจะนำไปสู่การขยายความขัดแย้งทางการเมืองได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งสวนทางกับการคาดหวังของพี่น้องประชาชน หลังจากที่เรามีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการรัฐประหารแล้ว
อีกทั้งการยุบพรรคการเมืองด้วยอ้างเหตุผลเรื่องการล้มล้างการปกครอง การเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ในทางด้านกลับ เรื่องนี้มีความละเอียดอ่อน อาจจะเป็นเรื่องที่เซาะกร่อนบ่อนทำลาย สถาบันพระมหากษัตริย์ในด้านกลับก็ได้ เพราะยิ่งดึงประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองมากขึ้น เรื่องนี้ต้องระมัดระวัง
สำหรับกระแสการตั้งพรรคสำรอง นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ก่อน ส่วนที่วิเคราะห์กันว่าศาลรัฐธรรมนูญจะไม่กลับคำวินิจฉัยตัวเองนั้น แม้ว่าจะมีโอกาสน้อย แต่ก็ต้องสู้อย่างเต็มที่ ดังนั้น เรื่องไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการกลับคำวินิจฉัย เพราะคำวินิจฉัยครั้งที่แล้ว เป็นกรณีที่วินิจฉัยสั่งการให้พรรคก้าวไกลยุติการกระทำที่ศาลรัฐธรรมนูญ ที่เห็นว่าเข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง แต่การวินิจฉัยให้ยุบพรรคก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ทั้งนี้ ตนไม่ห่วงกระแสการดูด สส.ในพรรค แต่เป็นห่วงสังคมไทยมากกว่า ตนคิดว่าเราลองจินตนาการถึงสังคมไทยหลังจากนี้ เรากำลังเข้าสู่วังวนแบบเดิมๆ ที่หาทางออกไม่เจอ และอาจจะยิ่งถลำลึกต่อไป มากขึ้นก็ได้ พร้อมย้ำเรื่องยุบพรรคไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำใจ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ยืนยันว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องในทางการเมือง แม้เริ่มมี สส.ภายในพรรคก้าวไกล รวมถึงนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค โพสต์เชิงตัดพ้อ ทำใจกับเรื่องนี้ไว้แล้ว
ส่วนกระแสข่าวการที่ สส.พรรคก้าวไกล เริ่มไปคุยกับพรรครัฐบาล จะต้องมีการตรวจสอบหรือไม่ นายชัยธวัช ระบุว่า ไม่ใช่หน้าที่ของพรรค พร้อมมั่นใจว่า ผู้แทนราษฎรที่ดี ก็คือผู้แทนราษฎรที่ดี เรื่องนี้ไม่สามารถมีใครไปบังคับใจกันได้ พรรคมีหน้าที่ต้องเตรียมทุกทางออกให้กับสมาชิก เช่นเดียวกับกระแสข่าว สส.ไปพบพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องตรวจสอบรัฐบาล ไม่ว่าพรรคไหน
อย่างไรก็ตาม การสกัดกั้นพรรคก้าวไกล มีพรรครัฐบาลเข้าไปร่วมด้วย มองแบบนั้นหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า “ไม่ทราบ” อาจจะเป็นเรื่องกระแสข่าว ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรไม่ทราบ