ชวน แถลงขอบคุณสื่อสภา นำเสนอพฤติกรรมนักการเมือง ชี้มีส่วนช่วยตัดสินใจวันกาบัตร ปลื้มสภา ผ่านกม.หลายฉบับ เสียดายแผ่วปลาย เหตุองค์ประชุมล่ม
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 20 มี.ค.2566 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร แถลงขอบคุณสื่อมวลชนประจำรัฐสภาตลอดการทำงานร่วมกัน 4 ปีที่ผ่านมาว่า วันนี้คาดหมายว่าน่าจะมีประกาศพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ยุบสภา จึงถือโอกาสนี้รายงานสถานภาพของสภา เป็นครั้งสุดท้าย ความจริงตัวเลขของผู้แทนราษฎรชุดนี้เริ่มต้น 500 คน
แต่เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบทำให้ส.ส. ที่เป็นกรรมการบริหารพรรค สิ้นสภาพไป 11 คน, มีส.ส.ที่ศาลฎีกาสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่เรื่องเสียบบัตรแทนกัน 3 คน, มีส.ส.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที 4 คนกรณีขอสร้างสนามฟุตซอล, มีส.ส.พรรคต่างๆ ที่ถูกศาลตัดสินให้พ้นสมาชิกภาพโดยไม่มีการเลือกตั้งซ่อมและไม่มีการเลื่อนลำดับทดแทน 4 คน และมีส.ส.ลาออก ในช่วง 180 วัน ทำให้สมาชิกลดลงไปอีก 84 คน และเสียชีวิตในช่วงเวลานั้นอีก 1 คน วันนี้จึงเหลือส.ส.อยู่ 393 คน
นายชวน กล่าวว่า โดยหลักแล้วพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คือเครื่องมือของฝ่ายบริหารที่ต้องใช้ ดังนั้นกฎหมายของรัฐบาลจึงไม่มีฉบับใดค้างอยู่ ทั้งในส่วนของสภาและรัฐสภา แต่ช่วงท้ายที่รัฐบาลส่งกฎหมายมาอีกหลายฉบับ แล้วไม่นำองค์ประชุมมาด้วย จนตนต้องทำหนังสือถึงนายกฯ และเจ้ากระทรวงผู้เสนอกฎหมายนั้น แต่สุดท้ายองค์ประชุมก็ยังไม่ครบ
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจที่สภา อยู่ได้มาจนครบ 4 ปี ซึ่งไม่ได้มีอย่างนี้ทุกครั้งไป ถือว่าฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่จนเกือบครบถ้วน ถ้าไม่มองช่วงปลายที่มีกฎหมายค้างอยู่ เช่น ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง และร่างรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ได้พิจารณา เพราะองค์ประชุมไม่ครบ เกือบจะพูดได้ว่ากฎหมายของรัฐบาลได้ผ่านไปเกือบทั้งสิ้น ยกเว้นช่วงปลาย ซึ่งเป็นกฎหมายที่เสนอเข้ามาใหม่และองค์ประชุมไม่ครบ
นายชวน กล่าวต่อว่า ตนได้นั่งเป็นประธานสภาตลอด 4 ปี ตนตั้งใจจะคุมสภา นี้ให้ถึงที่สุด และคิดว่าสมาชิกใหม่ต้องการคำแนะนำหลายเรื่อง ซึ่งสมาชิกเหล่านี้ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยมีปรากฏการณ์ใหม่คือ การรักษาเวลาการอภิปราย ทำให้ทุกคนได้อภิปราย แต่มีบางเรื่องคือพรรคที่มีเสียงมาก อภิปรายไม่กี่คน ส่วนพรรคที่เสียงน้อยกลับอภิปรายมาก ทั้งที่ความจริงควรจะเป็นไปตามสัดส่วนของจำนวนส.ส.ของพรรคนั้นๆ
นายชวน กล่าวว่า ในการประชุมสถาบันพระปกเกล้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางผู้ทรงคุณวุฒิได้อภิปรายเรื่องบทบาทของผู้แทนราษฎรว่า มีวัฒนธรรมที่แปลกออกไป คือเรื่องการแต่งกาย ตนจึงเรียนว่าทางสภา ได้แจ้งไปยังแต่ละพรรคการเมืองว่า สมาชิกต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ แม้จะอยากแสดงความสมัยใหม่ด้วยการแต่งตัวไม่เรียบร้อย แต่ข้อบังคับยังมีอยู่ ถ้าคุณไม่เคารพกฎเกณฑ์และกติกา สังคมประชาธิปไตยจะอยู่ไม่ได้ เราจึงให้สถาบันพระปกเกล้ากำหนดหลักสูตรสั้นๆ สำหรับสภาผู้แทนราษฎรต่อไป เพื่อให้ส.ส.ได้เข้าใจภารกิจชัดเจน
นอกจากนี้ สมาชิก ส.ส.ได้ท้วงติงว่า ใช้เวลาในกระทู้ถามมากเกินไป และสมาชิกส่วนใหญ่ใช้วิธีอภิปรายจนหมดเวลา จนไม่ได้ถามคำถาม เพราะไม่สามารถย่อความได้ และมีความรู้มากเกินไป ทั้งที่เวลาเป็นของมีค่า
นายชวน กล่าวว่า อนาคตคือการทำให้สิ่งที่ทำอยู่ 4 ปีนี้เป็นบทเรียนทั้งในทางบวกและทางลบ ในทางบวกคือการดำรงไว้ซึ่งหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งการออกกฎหมาย และการตรวจสอบฝ่ายบริหาร ส่วนทางลบคือ พฤติกรรมใดก็ตามที่เข้ามาหาผลประโยชน์ และการแต่งตั้งคนที่ไม่เหมาะสมมาเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อมาหาผลประโยชน์
“ถ้าสื่อมวลชนไม่ช่วยดำรงข่าวสารที่ให้ประโยชน์กับประชาชน ประชาชนจะไม่รู้ข้อเท็จจริง เช่น ความไม่รับผิดชอบของนักการเมือง ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งช่วยตัดสินใจในการเลือกตั้งว่า ถ้าเลือกคนซื้อเสียงมา ก็จะได้รับรัฐบาลที่ซื้อเสียง ถ้าเลือกคนดีเข้ามา ก็จะได้รัฐบาลที่ดี เพราะรัฐบาลมาจากฝ่ายนิติบัญญัติ” นายชวน กล่าว