“จุรินทร์” เชื่อปัจจุบันรัฐบาลยังมีเสถียรภาพ ปัดรุกพื้นที่หนักเตรียมรับเลือกตั้งใหม่เพราะมีสัญญาณยุบสภา
วันนี้ (18 ก.ย.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเปิดประเทศ โดยเฉพาะ กทม. ในวันที่ 15 ต.ค. นี้ว่า การเปิดประเทศได้ดำเนินการอยู่แล้ว และนับหนึ่งมาแล้วตั้งแต่ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ต่อไปจะมีพื้นที่ใดอีก เช่น กรุงเทพมหานคร ก็จะต้องมีการพิจารณาร่วมกันระหว่างรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้รับผิดชอบในพื้นที่กรุงเทพฯ เช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ
โดย ศบค. จะเคาะว่าจะเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวใด ก็ฟังความเห็นผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น กรุงเทพฯ จะเปิดเมื่อไหร่ ก็ต้องอยู่ที่ความเห็นร่วมที่จะได้มีการพูดคุยกันต่อไป พร้อมยืนยันหลักของการเปิดประเทศยังมีอยู่ เพราะนายกรัฐมนตรีประกาศเป็นนโยบายไปแล้ว แต่ต้องดูความพร้อม ความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่เป็นกรณีไป โดยต้องสอดคล้องกันระหว่างการแก้ปัญหาเศรษฐกิจกับโควิดให้เกิดความสมดุลกัน โดยให้สามารถดูแลทั้งสองเรื่องได้ในเวลาเดียวกัน
ส่วนการลงพื้นที่รุกหนัก “จุรินทร์ออนทัวร์” เป็นสัญญาณของการยุบสภาหรือจะมีการเลือกตั้งหรือไม่นั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องยุบสภา ตอบอะไรล่วงหน้าไม่ได้ แต่พรรคลงพื้นที่ออนทัวร์มาเป็นปีแล้ว ขณะเดียวกันเสถียรภาพรัฐบาลก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อย่างน้อยวันนี้ยังไม่ถึงกับบ่งชี้ว่ารัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ และยังเดินหน้าต่อไปได้ เสียงการลงคะแนนต่างๆ ก็ยังถือว่าเป็นเสียงข้างมากอยู่ ซึ่งรัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลผสม ดังนั้น แต่ละพรรคการเมืองที่เป็นทั้งแกนนำและเป็นพรรคร่วม ก็จะต้องดูแลพรรคตัวเองเป็นด้านหลัก ถ้าแต่ละพรรคมีเสถียรภาพ ก็จะส่งผลต่อรัฐบาลผสมให้มีเสถียรภาพตามไปด้วย
นอกจากนี้ นายจุรินทร์ ยังระบุเพิ่มเติมว่า ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ฝ่ายค้านจะตรวจสอบรัฐบาล ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน การอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เพิ่งผ่านไป จะตรวจสอบในรูปแบบอื่นก็ทำได้ อีกทั้งฝ่ายค้านก็ตั้งกระทู้ถามอยู่แล้ว และ ส.ส.ฟากรัฐบาลก็ทำหน้าที่ผู้แทน ก็มีการตั้งกระทู้ถาม มีการเสนอญัตติ ซึ่งถือเป็นการตรวจสอบรูปแบบหนึ่ง จะเพิ่มเติมรูปแบบอื่นก็สามารถทำได้ ไม่เป็นไร
ทั้งนี้ ระหว่างลงพืนที่ย่านตลิ่งชันในวันนี้ นายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถือโอกาสเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ในกลุ่มสตรี จำนวน 7 คน ประกอบด้วย นางผุสดี วงศ์กำแหง เขตราชเทวี นางสาวมาริยา ฤกษ์ดี เขตลาดกระบัง ดร.สุรภา ประยงค์ระวิกูล เขตวังทองหลาง นางนฤมล รัตนาภิบาล เขตบางกะปิ นางสาวฉัฐภรณ์ ปานทอง เขตตลิ่งชัน นางสาวนิภาพรรณ จึงเลิศศิริ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และนางศิรินทิพย์ มีนมณี เขตมีนบุรี
ซึ่งถือเป็นการสะท้อนว่าพรรคประชาธิปัตย์ให้ความสำคัญและสนับสนุนสตรีเพื่อเข้ามามีบทบาททางการเมืองและรับใช้บ้านเมืองมากขึ้น โดยผู้สมัคร ส.ก. สตรีของพรรคจะมุ่งเน้นบทบาททั้งด้านการดูแลสุขภาพ เศรษฐกิจ และการศึกษาให้กับชุมชนต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพมหานครของแต่ละเขตที่รับผิดชอบ พร้อมกับทำหน้าที่ ส.ก. ให้สมบูรณ์ครบถ้วน และไม่ให้พี่น้องประชาชนผิดหวังกับนักการเมืองสตรีของพรรค นอกจากนี้ ผู้สมัคร ส.ก. สตรีทั้ง 7 คนนี้จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนพรรคประชาธิปัตย์ในคณะทำงานชุดต่างๆ ต่อไปอีกด้วย
ขณะที่การจัดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมผู้สมัคร ส.ส. การเตรียมผู้สมัคร ส.ก. นั้น หัวหน้าค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม ระบุว่า ถือว่าขณะนี้พร้อม 80-90% แล้วสำหรับตัวบุคคล ยังขาดเพียงไม่กี่เขตเท่านั้น ส่วน ส.ส. เหลือเพียง 3 เขตที่ยังไม่เคาะ แต่ถ้าเป็นการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ ที่ใช้บัตร 2 ใบ เขตในกรุงเทพฯ ก็จะเพิ่มขึ้น ก็จะต้องพิจารณาผู้ที่จะลงสมัครเพิ่มเติมต่อไป ขณะที่ ส.ก. มี 50 เขต ก็เคาะไป 40 กว่าเขตแล้วเช่นกัน
ยังอุบชื่อผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ย้ำตัดสินใจตัวบุคคล-นโยบายแล้ว
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ว่า ยังไม่ขอระบุชื่อ แต่ไม่ได้เป็นความลับถึงขั้นที่ต้องเก็บงำอะไร แต่ได้ตกลงกันว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการต่อไป พร้อมย้ำพรรคประชาธิปัตย์ได้พิจารณาตัดสินใจทั้งตัวบุคคลและนโยบาย จบแล้ว ทั้งนี้ มั่นใจในตัวผู้สมัครว่าจะได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องชาวกรุงเทพมหานครอย่างดี และจะเป็นยุคหนึ่งที่จะได้เสียงสนับสนุนไม่น้อย ส่วนจะแพ้หรือชนะ เป็นเรื่องอนาคตและการแข่งขัน
ส่วนการที่จะมี ส.ส. และ อดีต ส.ส. จากพรรคอื่นเตรียมย้ายสังกัดมาอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขณะนี้มีทั้งอดีต ส.ส. ส.ส. ปัจจุบัน และมีคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่แจ้งความจำนง เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ และมีทุกภาค ไม่ได้มีเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
พร้อมกันนี้ ได้มีการเปิดศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ เขตตลิ่งชัน และได้นำ “ถุงน้ำใจ ปชป.” เพื่อมอบให้ชุมชนต่างๆ ในพื้นที่เขตตลิ่งชัน สำหรับบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19