จีนผงาดชาติอวกาศ ส่งโมดูลท่อนสุดท้ายสถานีเทียนกงขึ้นสู่วงโคจรแล้ว
จีนผงาดชาติอวกาศ – วันที่ 31 ต.ค. เอพีรายงานว่า องค์การอวกาศแห่งชาติจีนหรือซีเอ็นเอสเอส่งโมดูลท่อนที่สาม ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักส่วนสุดท้ายของสถานีอวกาศจีนขึ้นสู่วงโคจรแล้ว ท่ามกลางการแข่งขันอย่างร้อนแรงในทุกมิติกับสหรัฐอเมริกา
รายงานระบุว่า โมดูลดังกล่าวมีชื่อว่า เหมิงเทียน ถูกปล่อยขึ้นจากสถานีปล่อยจรวดส่งดาวเทียมเวิ่นชางที่มณฑลไห่หนานหรือเกาะไหหลำทางภาคใต้ของประเทศจีน ท่ามกลางบรรดาชาวจีนและสื่อที่มาเฝ้าชมการปล่อยจรวดข้างต้น
โดยบรรยากาศการปล่อยจรวดส่งดาวเทียมเป็นไปอย่างคึกคัก หลายคนพากันโบกธงชาติจีนและส่วมใส่เสื้อที่มีข้อความชื่นชมและยกชูความยิ่งใหญ่ของจีน รวมถึงรุดหน้าที่รวดเร็วของเทคโนโลยีด้านอวกาศของจีน
ศาสตราจารย์นี่ หลีซ่ง สำนักวิชาการการเมืองและนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า โครงการอวกาศเป็นสัญลักษณ์ของชาติมหาอำนาจและเป็นการยกระดับขีดความสามารถด้านความมั่นคง กระตุ้นให้เกิดความรักชาติและพลังบวก
“เหมิงเทียน” โมดูลหมายเลขสามที่แปลว่า นิมิตสวรรค์ จะถูกส่งขึ้นไปประกอบต่อจาก “เหวินเทียน” โมดูลหมายเลขสองที่ถูกส่งขึ้นไปก่อนหน้า และโมดูลหลัก “เทียนเหอ” ที่เป็นที่พักของนักบินอวกาศจีน รวมกันเป็นสถานีอวกาศจีน “เทียนกง” ที่แปลว่า ตำหนักบนสรวงสวรรค์
ด้านจรวดส่งดาวเทียมนั้นทางซีเอ็นเอสเอยังคงใช้จรวดรุ่น ลอง มาร์ช-5บี วาย4 จรวดส่งดาวเทียมที่ส่งพลังที่สุดของจีน โดยหลังเหมิงเทียนขึ้นสู่วงโคจรแล้วคาดว่าจะต้องใช้เวลาโคจรราว 13 ชั่วโมงก่อนจะไปถึงสถานีเทียนกง มีนักบินอวกาศประจำการ 2 นาย เป็นชายและหญิง
ทั้งนี้ โครงการสถานีอวกาศจีนในปีนี้จะครบรอบ 30 ปี โดยจีนนับเป็นชาติที่สามของโลกที่ประสบความสำเร็จในการส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศได้ต่อจากสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย
โครงการดังกล่าวได้รับการพัฒนาและสนับสนุนจากคณะกรรมาธิการฝ่ายความมั่นคงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนและปราศจากการมีส่วนร่วมของภาคส่วนอื่นๆ ส่งผลให้สหรัฐฯ กีดกันจีนออกจากโครงการสถานีอวกาศนานาชาติหรือไอเอสเอส เนื่องจากมีความเกี่ยวโยงกับการทหาร
นอกจากนี้ จีนยังอยู่ระหว่างซุ่มพัฒนาเครื่องบินแบบใหม่ที่สามารถบินขึ้นจากโลกและขึ้นสู่วงโคจรได้ด้วยตัวเอง ขณะที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซ่า กล่าวหาทางการจีนว่าเจตนาปล่อยให้จรวดส่งดาวเทียมที่ใช้แล้วตกลงมายังโลกอย่างไร้ความรับผิดชอบ
รายงานจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯหรือเพนตากอนยังระบุถึงขีดความสามารถด้านอวกาศของจีนที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
“กองทัพจีนนอกเหนือการพัฒนาแสนยานุภาพด้านการรบทั่วไปแล้ว ยังอยู่ระหว่างการรวมเอาแนวรบอื่น อาทิ อวกาศ ไซเบอร์ ข่าวสาร และอิเล็กทรอนิกส์ เข้ามาใช้สนับสนุนการทำสงครามแบบบูรณาการด้วย” รายงานเพนตากอนระบุ