ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองบุกรวบตัวพลทหารหนุ่ม ลวงด.ญ.วัย11 ปี ถ่ายคลิป หลังแม่เด็กแจ้งความนาน 2 เดือน คดีไม่คืบ เตรียมสืบสวนขยายผล
วันที่ 28 เม.ย. 66 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำกำลังบุกจับกุมตัว พลทหารธันวา กองพรม อายุ 22 ปี ทหารเกณฑ์สังกัดหน่วยทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี หลังรับร้องเรียนจากแม่ของเด็กหญิง อายุ 11 ปี ว่า เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ลูกสาวของตนถูกพลทหารธันวา ล่อลวงผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยหลอกว่าตัวเองเป็นเด็กชายอายุประมาณ 15 ปี เข้ามาพูดคุย จากนั้นได้พูดจาหว่านล้อมให้วิดีโอคอลถอดเสื้อผ้า ก่อนที่จะบันทึกภาพและวิดีโอเอาไว้ เพื่อใช้ข่มขู่แบล็กเมล์ให้ยอมทำตามที่สั่ง
หากไม่ทำตาม ก็ข่มขู่ว่าจะนำคลิปและภาพดังกล่าวไปเผยแพร่และส่งต่อให้กับเพื่อนในโรงเรียนของเด็กหญิง หลังจากถูกบังคับหลายครั้ง จึงทนไม่ไหวจึงตัดการติดต่อกับพลทหาร จนพบว่าเขานำคลิปไปส่งต่อให้กับกลุ่มเพื่อนในโรงเรียนของเด็กไปทั่ว สร้างความอับอาย จนไม่กล้าไปโรงเรียน หลังแม่ของเด็กหญิงทราบเรื่อง จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองกาฬสินธิ์ เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับพลทหารธันวา ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่คดีไม่มีความคืบหน้าใดๆ
ทางตำรวจไม่ได้มีการติดตามจับกุมตัวพลทหารธันวาแต่อย่างใด ทำให้แม่ของเด็กหญิง ตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิรณสิทธิ์ จนนำไปสู่การเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย ซึ่งหลังมีการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ จึงมีการวางแผนเข้าจับกุมพลทหารธันวาในครั้งนี้
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กรมการปกครอง กล่าวว่า ในการเข้าจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรก นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักของพลทหารธันวา ในพื้นที่หมู่ 4 ตำบลวังลึก อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี จากการตรวจค้นสามารถตรวจยึดแฟลชไดรฟ์ที่บันทึกภาพเปลือยของเด็กหญิงผู้เสียหาย จำนวน 1 อัน เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บไว้ใช้เป็นหลักฐาน
ส่วนเจ้าหน้าที่อีกหนึ่งชุด นำหมายจับเข้าจับกุมตัวพลทหารธันวา ซึ่งยังอยู่ในระหว่างรับราชการทหารอยู่ภายในหน่วยต้นสังกัด ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากหน่วยทหารต้นสังกัดในการเข้าจับกุมตัวเป็นอย่างดี หลังการจับกุมได้นำตัวมาสอบปากคำยังที่ว่าการอำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยพลทหารธันวา รับสารภาพว่าเป็นคนลงมือกระทำความผิดจริงตามที่แม่ของเด็กหญิงวัย 11 ปีให้ข้อมูล
เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีใน 3 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ความผิดฐานครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
2.ฐานข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.1ฐานบังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กแสดงออกหรือกระทำการอันมีลักษณะลามก อนาจาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธิ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งทำการสืบสวนเพิ่มเติมหากพบว่ามีการนำคลิปหรือภาพอนาจารผู้เสียหายไปขายก็จะเข้าข่ายความผิดค้ามนุษย์และจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน นายหมวดตรีรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความอับอายและกระทบกระเทือนทางจิตใจต่อผู้เสียหายอย่างมาก จนไม่สามารถที่จะไปเรียนหรือใช้ชีวิตตามปกติได้ แต่เมื่อแม่ของเด็กไปแจ้งความ ทางตำรวจกลับไม่ได้ติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ทำให้แม่ของเด็กต้องมาร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมกรมการปกครอง
จึงอยากฝากคำถามไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้ช่วยตรวจสอบการทำงานของตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธิ์ด้วย ที่ไม่ทำงานเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนเช่นนี้