‘บิ๊กโจ๊ก’ ขยายผลจับเครือข่ายค้ามนุษย์ บังคับค้าประเวณีเด็ก รวบแม่เล้า-เอาผิดลูกค้าใช้บริการ 12 ราย พบมีเจ้าหน้าที่รัฐ-ครูพี่เลี้ยง เอี่ยวด้วย
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 4 พ.ค.65 ที่ห้องประชุม ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมแถลงผลการขยายผลจับกุมทั้งแม่เล้า และผู้ซื้อบริการเพิ่มอีกจำนวน 12 ราย อายัดเรือนจำ 2 ราย และยังคิดตามจับกุมเพิ่มอีก 4 ราย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ดำเนินการติดตามขยายผลของคดี ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่เมื่อวันที่ 9 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และ สภ.ขุนทะเล ร่วมกันจับกุมดำเนินคดีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ามนุษย์ ซึ่งนำเด็กมาแสวงหาประโยชน์ทางเพศจำนวน 5 ราย และยังสามารถดำเนินคดีกับผู้ใช้บริการอีก 11 ราย รวมทั้งสิ้น 16 ราย ซึ่งคดีดังกล่าวพนักงานอัยการยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลแล้ว แต่อาจยังมีผู้เสียหายที่ถูกบังคับค้าประเวณีเพิ่มเติมอีกนั้น
จึงสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และ สภ.ขุนทะเล พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ พม. และ NGO ร่วมกันบูรณาการข้อมูลจนสามารถช่วยเหลือเหยื่อเครือข่ายค้ามนุษย์ ที่ถูกบังคับค้าประเวณีได้เพิ่มอีก 3 ราย
จากการสอบถามข้อมูลเหยื่อร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพแล้ว นำข้อมูลดังกล่าวไปขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับเครือข่ายค้ามนุษย์เพิ่มเติมอีก 5 ราย และยังสามารถดำเนินคดีกับผู้ใช้บริการทางเพศอีก 13 ราย รวมทั้งสิ้น 18 ราย จึงให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อยื่นคำร้องขอหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวทั้งหมด เพื่อนำตัวมาดำเนินคดี
ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 พ.ค.65 ขยายผลนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และ สภ.ขุนทะเล เข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวได้ทั้งหมด 12 ราย ผู้ต้องหาอายัดตัวเรือนจำ 2 ราย ยังคงติดตามตัวที่เหลืออีก 4 ราย
โดยในส่วนของผู้ร่วมเครือข่ายค้ามนุษย์จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ในการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี โดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี, ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี แม้ผู้นั้นจะไม่ยินยอมก็ตาม, โดยทุจริตร่วมกันรับไว้ เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไป ซึ่งบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปีแม้ผู้นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม,
ร่วมกันพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร ,ร่วมกันเป็นธุระจัดหา หรือชักพาไปซึ่งเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม” โดยมีอัตราโทษสูงสุดจำคุกตั้งแต่ 8 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 8 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท และผู้ใช้บริการทางเพศจะถูกดำเนินคดีฐาน “กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม,
กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, พรากหรือร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร, พาหรือร่วมกันพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไป เพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, ร่วมกันชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำด้วยประการใดให้เด็กกระทำผิดและกระทำชำเราเพื่อสำเร็จความใคร่ของตนเองหรือผู้อื่น แก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีในสถานการค้าประเวณี” ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จากการสืบสวนพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐและครูพี่เลี้ยงภายในบ้านพักเด็กและครอบครัว จังหวัดสุราษฎร์ธานี พยายามแทรกแซงการดำเนินการตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งยังพยายามข่มขู่พยานเพื่อไม่ให้ข้อมูลในการขยายผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับตัวเจ้าหน้าที่รัฐที่พยายามแทรกแซงกระบวนการดังกล่าว ในฐานความผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามกฎหมายโดยเด็ดขาด
“สำหรับในคดีดังกล่าว ยังคงมีผู้เสียหายที่ถูกบังคับค้าประเวณีเพิ่มอีก ซึ่งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการขยายผลดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ทั้งตัวเครือข่ายบังคับค้าประเวณี และตัวผู้ใช้บริการทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือเหยื่อเพื่อให้สามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดปัญหาการนำเด็กและเยาวชนมาบังคับค้าประเวณีให้หมดไปจากสังคม” ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าว
ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ได้ทราบถึงการดำเนินการและการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว
สามารถแจ้งข้อมูลมายัง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) โดยตรง ช่องทางสายด่วน 1599 หรือ www.humantrafficking.police.go.th หรือ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/TICAC2016 หรือ LineOA:@HUMANTRAFFICKTH หรือ TWITTER: @safe_dek หรือช่องทางใหม่ล่าสุดคือ การสแกน QRCODE เพื่อกรอกแบบฟอร์มในการแจ้งเหตุและเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าว เพื่อแจ้งเบาะแสในการปราบปรามการกระทำผิดต่อไป