หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้า คดีการเสียชีวิตของ น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ชาวหมู่บ้านกกกอก ตำบลกกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ที่หายตัวจากบ้านและพบเป็นศพร่างเปลือยบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพัก กว่า 2 กิโลเมตร เหตุเกิดเมื่อ 11 พฤษภาคม 2563 ซึ่งขณะนี้ผ่านมาร่วมปีแล้วนั้น
โดย ผบ.ตร.บอกว่า เดือนมิถุนายนนี้ จะได้คำตอบในคดีน้องชมพู่ อย่างแน่นอน ขอให้รอการแถลงข่าวอย่างชัดเจนอีกครั้ง
ล่าสุดวานนี้ มีรายงานว่า ชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดในคดี หลังมีการพบหลักฐานที่จุดพบศพ กางเกง รองเท้า เส้นขน จำนวน 3 เส้น โดยสามารถตรวจดีเอ็นเอ ระบุตัวตนได้แล้วว่าเป็นของใคร ประกอบกับคำให้การของพยานแวดล้อมทั้งหมด 8 ราย ที่ได้เข้าเครื่องจับเท็จคือ แม่ พ่อของน้องชมพู่ ลุงพล ป้าแต๋น พระครูบารัตน์ พระบุญมา เจ๊บุญมา และพ่อแบม
โดยหลักฐานชิ้นสำคัญที่จะไขปริศนาว่าใครคือคนร้าย คือผลทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยมีการตรวจสอบอย่างละเอียดในเรื่องของดีเอ็นเอที่พบบริเวณจุดพบศพ ทั้งหมดอยู่ในระหว่างการสรุปสำนวนคาดว่าจะส่งสำนวน และมีการขอศาลออกหมายจับคนร้ายในเร็วๆ นี้
รายงานระบุว่า ตำรวจเตรียมออกหมายจับผู้ต้องหา อย่างน้อย 3 ข้อหา คือ
1. พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร
2. หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย จนถึงแก่ความตาย
3. ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือเหตุแห่งการตาย
ขณะที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ให้สัมภาษณ์กับ ข่าวสด ถึงกรณีดังกล่าวว่า กรณีที่พบหลักฐานเป็นเส้นขนในที่เกิดเหตุนั้น ก็อยากจะถามเจ้าหน้าที่ว่า เหตุการณ์ล่วงเลยผ่านมาเป็นปีแล้ว เส้นขน 3 เส้นนี้ไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมถึงเพิ่งจะมาปรากฎ ซึ่งช่วงเวลาที่ทิ้งช่วงไปอย่างยาวนานนี้ ศาลนำมาใช้เป็นดุลยพินิจได้เหมือนกันว่า พยานหลักฐานนี้ได้มาจากที่เกิดเหตุจริงหรือไม่