“จรยุทธ ก้าวไกล” โวยผู้รับเหมาสร้างสะพานข้ามแยก ณ ระนอง “เป่าฝุ่นปูน” ใส่ถนนจนคลุ้งไปทั่ว ถ.พระราม 3 ต่อหน้าต่อตาแบบไม่แคร์ จี้หน่วยงานรับผิดชอบกวดขัน หากทำไม่ได้ต้องพิจารณาตัวเอง
เมื่อวันที่ 10 เม.ย.นายจรยุทธ จตุพรประสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล กมม.เขตยานนาวา-บางคอแหลม (เบอร์ 4) กล่าวถึงกรณีผู้รับเหมาก่อสร้างในโครงการสะพานข้ามแยก ณ ระนอง ดำเนินโครงการโดยวิธีการที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและประชาชนโดยรอบ ขอเรียกร้องความรับผิดชอบและการกำกับควบคุมที่รัดกุมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเมื่อเช้านี้(10 เม.ย.)ตนได้ไปยืนรณรงค์เชิญชวนให้พี่น้องประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาบริเวณทางขึ้นทางด่วนพระราม 3 ให้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ระหว่างนั้นเอง ตนและทีมงานได้พบกับการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ ของผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแยก ณ ระนอง โดยมีการเป่าฝุ่นปูนโดยใช้เครื่องปั๊มลม จนก่อให้เกิดฝุ่นคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณต่อหน้าต่อตา
“ผมและทีมงานที่ยืนอยู่บริเวณนั้นไม่สามารถหายใจได้ ฝุ่นเข้าหน้าเข้าตาเข้าปากกันถ้วนหน้า ตนจึงได้ส่งเสียงผ่านโทรโข่งที่นำติดตัวมาใช้หาเสียง ต่อว่าต่อขานไปว่าการกระทำเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน เป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ แต่ทางฝั่งผู้รับเหมาก่อสร้างที่ดำเนินการอยู่กลับนิ่งเฉย ไม่สนใจสิ่งที่ตนต่อว่าแม้แต่น้อย”นายจรยุทธ กล่าว
นายจรยุทธ กล่าวต่อว่า โครงการสะพานข้ามแยก ณ ระนอง เป็นการก่อสร้างสะพานข้ามแยกใหม่ 3 แห่ง จากแยก ณ ระนอง ถึงโรงเรียนนนทรีวิทยา ความยาวรวม 1,950 เมตร โดยมีสำนักการโยธา กรุงเทพมหานครรับผิดชอบ และมีบริษัท สหการวิศวกร จำกัด ดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. 2561 งบประมาณ 1,470 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองหน่วยงานดังกล่าวนี้ หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งในการดำเนินการก่อสร้างให้ไม่สร้างผลกระทบต่อประชาชน และการกำกับควบคุมให้การดำเนินการก่อสร้างเป็นไปตามมาตรฐาน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ตนมีความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ไม่ทราบว่าตัวผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการได้ดำเนินการในลักษณะนี้มาตลอดเวลาเลยหรือไม่ เป็นบริษัทใหญ่โตขนาดนี้ย่อมมีวิธีการอื่นที่ดีกว่านี้แน่ๆ ในการกำจัดฝุ่นปูน แต่กลับใช้วิธีการที่มักง่ายไร้ความรับผิดชอบ มาเป่าฝุ่นใส่ประชาชนบนถนนที่สัญจรไปมาเช่นนี้ ตนไม่อาจยอมรับได้ และต้องขอเรียกร้องให้ทั้งระดับผู้บริหารของบริษัท และกรุงเทพฯได้มาตรวจสอบกวดขันการดำเนินการ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในใอนาคตด้วย
“ช่วงนี้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 มีความร้ายแรงมาก เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แทนที่เราจะช่วยกันแก้ไขป้องกันแต่กลับปล่อยปะละเลยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นใจกลางเมือง ต่อหน้าต่อตาทุกคนแบบไม่แคร์ ถ้าผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับผิดชอบไม่สามารถจัดการควบคุมปัญหาได้ สมควรต้องพิจารณาตัวเองแล้ว” นายจรยุทธ กล่าว