ลูกค้าคู่กรณีขอโทษเจ้าของร้านชาบูแล้ว แจงลูกชายสั่งอาหารเกินจำนวนเพราะเข้าใจว่าทานแบบบุฟเฟต์ พร้อมจ่ายเงินค่าอาหารเต็มจำนวน 1,360 บาท ด้าน เจ้าของร้านชาบูไม่ติดใจเอาความ พร้อมเชิญชวนมาอุดหนุนอีก และจะให้ส่วนลดเป็นกรณีพิเศษ
จากกรณีที่เจ้าของร้านชาบู โคยกี๊ หม้อไฟ ตั้งอยู่ เลข 143 ถ.วรเดช ต.หน้าเมือง อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี ติดริมเขื่อนรัฐประชาพัฒนาแม่น้ำ-แม่กลอง ได้ออกมาเผยเรื่องราวพฤติกรรมของลูกค้าที่เข้ามา นั่งกินฟรีกันทั้งครอบครัว แต่สุดท้ายเช็คบิลกลับไม่จ่าย อ้างให้ไปแจ้งความเอากับเด็ก
- ลูกค้าหัวหมอ ยกครอบครัวกินชาบูฟรี อ้างมีจ่ายแค่ 200 บาท ตะคอกจนพนักงานน้ำตาร่วง
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลา 18.30 น. ครอบครัวคู่กรณี มาด้วยกัน 3 คน ประกอบด้วย คุณแม่ คุณพ่อ และ ลูกคนเล็ก ส่วนลูกคนโตไม่ได้เดินทางมาด้วย ได้เดินทางมาพบ ร.ต.ท.เจริญทรัพย์ โพธิ์พระ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองราชบุรี เจ้าของคดี ตามนัดหมาย เพื่อเจรจาพูดคุยกับทางนายภาวัต สงวนหงส์ เจ้าของร้านชาบู ซึ่งเหตุการณ์เป็นการพูดคุยกันด้วยดีทั้ง 2 ฝ่าย
ซึ่งทาง นางพา (นามสมมุติ), และ นายซุบ (นามสมมุติ) สองสามีภรรยา ได้เล่าเหตุการณ์ในวันดังกล่าวว่า ตนกับสามีได้พาลูกทั้ง 2 คน ขับรถยนต์ซึ่งไปทำธุระในเมืองราชบุรี และลูกๆ อยากประธานอาหารชาบูจึงได้รองมานั่งรับประทานที่ร้านดังกล่าว พอนำรถมาจอดที่ร้าน ตนก็ได้สอบถามกับทางพนักงานว่าที่ร้านให้บริการอย่างไร บุฟเฟต์ หรือ อาลาคาร์ต พนักงานก็ได้แจ้งว่าที่ร้านเป็นแบบอาลาคาร์ต
จากนั้นก็พากันเดินไปนั่งที่โต๊ะ ตามในคลิปภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งสามีนั่งโต๊ะเบอร์ 15 ส่วนตนเองนั่งเบอร์ 14 ลูกชาย คนเล็กนั่งเบอร์ 13 และ ลูกชายคนโตอายุ 12 ปี นั่งโต๊ะเบอร์ 12 จากนั้นพนักงานก็เดินมาสอบถามว่าทานน้ำซุปอะไร และได้นำมาให้ตามเตาของแต่ละคน พร้อมทั้งนำบิลรายการอาหารมาให้ ซึ่งตนเองสั่งไปทั้งหมด 8 รายการ เป็นเงินจำนวน 140 บาท สามีสั่งมาจำนวน 10 รายการ 175 บาท พนักงานก็ยงอาหารมาให้ ก็นั่งทานกันตามปกติ
แต่เหตุการณ์มันเกิดขึ้น โดยที่ลูกชายคนโต ได้สั่งเมนูอาหารมาจำนวน 42 รายการ ในตอนนั้นตนก็คิดว่าสั่งไม่กี่อย่าง และลูกก็คงเข้าใจว่าสั่งรายการอาหารแบบบุฟเฟต์ จึงได้สั่งที่ตนเองชอบกินมา เมื่อพนักงานยกเมนูอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟตนก็ตกใจเพราะเห็นมาจำนวนมาก คิดว่าจะต้องราคาสูงอย่างแน่นอน ซึ่งสามีก็ทำเสียงดังใส่เพราะคิดว่าพนักงานจัดของมามั่ว ตนก็ได้ห้ามเอาไว้ จากนั้นสามีก็ลุกเดินออกจากร้านไปเพื่อหาซื้อบุหรี่มาสูบ
นางพา (นามสมมุติ) ผู้เป็นแม่ เล่าต่อว่า จากนั้นตนได้เรียกหนักงานมาดูว่ารายการอาหารที่สั่งมาถูกต้องหรือไม่ และเจรจาเพื่อที่จะขอคืนเมนูอาหาร แต่ทางร้านก็ได้แจ้งว่าไม่สามารถคืนได้ ในขณะที่กำลังพูดคุยกันกับพนักงานซึ่งเป็นผู้จัดการร้าน ได้ยินเสียงการวางจานชามเสียงดังจึงคิดว่าประชดหรือไม่พอใจอะไรตน ทำให้ตนเกิดมีอารมณ์โมโหขึ้นมา จึงได้ตอบไปว่ามีเงินมาเพียงแค่ 200 บาท และอ้างว่าลูกชายอายุ 12 สั่ง ถ้าอยากได้เงินก็ให้ไปแจ้งความจับเด็กละกัน “อยากจะเอาเรื่องกับเด็กรึไง”
จากนั้นพนักงานได้ติดกับทางเจ้าของร้านซึ่งขณะนั้นอยู่ที่กรุงเทพฯ เจ้าของร้านได้พยายามขอคุยด้วยแต่ตนเองก็ไม่ยอมคุย จนกระทั่งทางเจ้าของร้านได้แจ้งกับทางพนักงานมาว่ามื้อนี้ให้ตนกินฟรี พนักงานก็มาแจ้งย้ำว่าให้ทานฟรี เมื่อสามีกลับมาและเดินเข้ามาทานตามปกติ
ตนต้องขออธิบายว่า ตนมีเงินและพร้อมที่จะจ่ายให้ แต่เมื่อทางเจ้าของร้านและทางพนักงานร้านก็มายืนยันว่าให้ตนกินฟรี แล้วจะให้ตนจ่ายได้อย่างไร หลังจากที่ทานกันหมดแล้ว แต่ของที่สั่งมาเกินนั้นก็ได้คืนให้กับทางร้านไป เพราะลูกตนทานไม่หมดแน่ ก็คิดว่าเรื่องน่าจะจบและไม่มีอะไร จากนั้นจึงได้พากันกลับบ้าน
นางพา (นามสมมุติ) กล่าวอีกว่า วันนี้ตนก็ต้องขอโทษทางเจ้าของร้านด้วยที่ทำปฏิกิริยาแบบนั้นไป เพราะเป็นการเข้าใจกันผิด หลังจากที่ทางร้านได้โพสต์ขอความเรื่องราวของตนเองออกไป ทำให้ได้รับผลกระทบ มีแต่คนเข้ามาต่อว่า และเข้าใจตนเองผิด ทั้งๆ ที่ครอบครัวของตนเองไม่ใช่มิจฉาชีพแต่อย่างไร เรามีเงินพร้อมที่จะจ่ายให้กับทางร้าน แต่ทางร้านแจ้งว่าให้ทานฟรี ตนเลยไม่ได้จ่ายให้ไป และได้พยายามติดต่อกับทางเจ้าของร้านแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้
จนมาทราบว่าได้เข้าแจ้งความครอบครัวตนเองไว้ จึงได้ติดต่อกับทางพนักงานสอบสวนเพื่อขอเจรจากับทางเจ้าของร้านและจะนำเงินค่าอาหารไปชำระให้เต็มจำนวน ซึ่งตอนนี้ครอบครัวของตนเองได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก จึงขอให้สังคมเข้าใจและอย่าซ้ำเติมกัน เราไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้ามาหลอกกินฟรี และก็ต้องขอโทษกับทางเจ้าของร้านซาบูอีกครั้ง
ด้าน นายภาวัต สงวนหงส์ เจ้าของร้าน กล่าวว่า เรื่องนี้ตนก็ไม่ได้ติดใจเอาความใดๆ แล้ว เพราะทั้งครอบครัวก็เข้ามาเจรจากันต่อหน้าพนักงานสอบสวน และสื่อมวลชน ซึ่งเป็นคนกลาง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยืนยันว่าร้านของเรามีการบริการที่เป็นมาตรฐาน เวลาลูกค้าเดินเข้ามาที่ร้านก็จะแจ้งให้ลูกค้าทราบว่าร้านเราเป็นแบบอาลาคาร์ต และเราเน้นย้ำในด้านการบริการ ทั้งกิริยา มารยาทในการรับลูกค้า
ส่วนที่ทางลูกค้าบอกว่าพนักงานทำกิริยาใส่ เหมือนวางชามเสียงดัง ซึ่งดังมาจากในครัว ตรงนี้ต้องเรียนว่าเป็นเรื่องปกติของทางร้านเพราะเราเป็นร้านเล็กๆ เสียงค่อนข้างจะดังถึงกัน ระหว่างโต๊ะนั่งของลูกค้า กับห้องครัว ทำให้ได้ยินเสียงดังการวางหรือเทจานชามที่ลูกค้าทานอิ่มแล้ว ตรงนี้เราก็ปรับความเข้าใจกัน ทางลูกค้าก็เข้าใจกันดี
ส่วนประเด็นอื่นๆ ร้านเรามีกล้องวงจรปิดติดในทุกมุมก็สามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด และเพื่อความปลอดภัยกับทางร้านและลูกค้าที่มาใช้บริการ จึงยืนยันได้ว่าพนักงานของเราไม่มีการสร้างปฏิกิริยากับทางลูกค้า และจากภาพในคลิปก็จะเห็นพนักงานยกอาหารมาเสิร์ฟตามจำนวนที่ลูกค้าสั่ง และทางคุณแม่ก็ได้เรียกพนักงานมาสอบถาม และถามถึงเรื่องการจัดอาหารมาผิดหรือไม่เพราะคงคิดว่าเห็นเมนูอาหารมาจำนวนมาก
วันนี้ก็อธิบายลูกค้าก็เข้าใจแล้ว ซึ่งตนเองก็ได้อธิบายลูกค้าเพิ่มเติมไปว่า กรณีที่ลูกค้าทานไม่หมดก็จะไม่สามารถคืนได้ ทางร้านจะห่อให้ลูกค้านำกลับบ้านได้ แต่ในเหตุการณ์นี้ ทางลูกค้ายืนยันว่าจะขอคืนทางร้าน ตนก็ไม่ถือติดใจเอาความใด
ส่วนสาเหตุที่นำเรื่องราวไปโพสต์นั้น ก็เพราะเห็นทะเบียนรถยนต์ที่ขับมาเป็นทะเบียนกรุงเทพฯ จึงได้ฝากเพื่อแจ้งเตือนร้านทั่วไปที่อยู่ในจังหวัดราชบุรีถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้เจรจาตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย พนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกสำนวนคดี ซึ่งคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้เจรจาตกลงกันว่าเป็นการเข้าใจผิดกัน ตามที่ นางพา (นามสมมุติ) , นายซุบ (นามสมมุติ) บอกเพียงว่ามีเงินมาเพียง 200 บาท นั้น แสดงเจตนาว่าไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารนั้น เพียงแต่พลั้งปากไปด้วยอารมณ์ ไม่ได้มีเจตนาโกงค่าอาหารแต่อย่างใด และ นายภาวัต เจ้าของร้าน ไม่ติดใจดำเนินคดีกับคู่กรณีอีก จึงแจ้งต่อพนักงานสอบสวน และได้จัดให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน
จากนั้น นางพา (นามสมมุติ) ได้ โอเงินสดจำนวน 1,360 บาท ซึ่งเป็นค่าอาหารตามใบเสร็จเต็มจำนวนให้กับทาง นายภาวัต เจ้าของร้าน แม้ทางนายภวัตจะไม่รับก็ตามเพราะได้แจ้งไปแล้วว่าให้ทานฟรี แต่เมื่อวันนี้ทาง คุณพา (นามสมมุติ) และสามี ได้โอนเงินมาให้กับเจ้าของชาบูเพื่อความสบายใจ ว่าตนได้จ่ายไปในสิ่งที่ครอบครัวของตนเองได้รับทานไปแล้ว
ในส่วนของทางนายภวัต เจ้าของร้านได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปจัดสรรให้กับพนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจที่ได้เจอกับเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมเชิญชวนให้ทางครอบครัวของคุณพา (นามสมมุติ) ถ้ามีโอกาสกลับมาเป็นลูกค้าอุดหนุนในโอกาสต่อๆ ไป พร้อมทั้งจะมีส่วนลดให้เป็นกรณีพิเศษ