นักวิทยาศาสตร์มากมายได้ทำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง “เงิน” และ “ความสุข” มาเป็นเวลาหลายทศวรรษ และผลการศึกษาก็นะไปสู่ข้อสรุปที่บอกว่า “เงินสามารถซื้อความสุขได้” เงินช่วยให้ผู้คนได้ทำสิ่งที่ตัวเองต้องการ เงินช่วยให้คนมีชีวิตอยู่ได้นานมากขึ้น เงินช่วยปกป้องผู้คนจากความกังวลและอันตรายต่างๆ และมีเหตุผลอีกมากมายที่พิสูจน์ว่าเงินทำให้คนมีความสุขได้
Sanook เปิดงานวิจัยว่า “ราคาแห่งความสุข” ของคนแต่ละประเทศคือเท่าไร และคนไทยจำเป็นต้องมีเงินหรือรายได้มากแค่ไหน ถึงจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขใน 1 ปี
ราคาแห่งความสุข
งานวิจัยของมหาวิทยาลัยเพอร์ดู รัฐอินดีแอนา สหรัฐอเมริกา ในปี 2018 ค้นพบว่า รายได้ของคนมีผลต่อความสุขและความพึงพอใจของคนนั้นๆ ต่อมา S Money ผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ได้ต่อยอดงานวิจัยดังกล่าว และได้เผยแพร่ข้อมูลที่ว่าด้วยประชากร 1 คนจากแต่ละประเทศ ต้องมีเงินหรือมีรายได้เท่าไร เพื่อทำให้ตัวเองมีความสุขในระยะเวลา 1 ปี
AFP
S Money สำรวจทั้งหมด 173 ประเทศจากทั่วโลก และพบว่าประเทศอิหร่านเป็นประเทศที่ต้องใช้เงินซื้อความสุขสูงที่สุด หรือใช้เงินประมาณ 8.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อของอิหร่าน ที่ปรับตัวสูงขึ้น 47.7% ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รองลงมาคือเยเมน (6.1 ล้านบาท) ออสเตรเลีย (4.3 ล้านบาท) ซิมบับเว (4.2 ล้านบาท) และนอร์เวย์ (4.2 ล้านบาท)
ขณะที่ประเทศเซียร์ราลีโอน เป็นประเทศที่ต้องใช้เงินซื้อความสุขต่ำที่สุด ประมาณ 3.09 แสนบาท ตามมาด้วยซูรินาม (3.6 แสนบาท) มาดากัสการ์ (4.07 แสนบาท) กายอานา (4.1 แสนบาท) และซูดาน (4.2 แสนบาท) ซึ่ง 10 ประเทศที่ติดอันดับประเทศที่ใช้เงินซื้อความสุขต่ำที่สุด อยู่ในทวีปแอฟริกา อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ทั้งหมด เป็นเพราะอัตราค่าครองชีพในประเทศเหล่านี้ต่ำกว่าประเทศอื่นๆ หรือต่ำกว่าค่าครอฝชีพในสหรัฐฯ กว่า 72%
ประเทศไทยต้องใช้เท่าไร
สำหรับประเทศไทย ผลการวิจัยพบว่า คนไทย 1 คนต้องมีรายได้หรือเงินเฉลี่ย 1.3 ล้านบาท (36,745 ดอลลาร์สหรัฐฯ) เพื่อทำให้ตัวเองมีความสุขในระยะเวลา 1 ปี
AFP
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศสิงคโปร์ต้องใช้เงินซื้อความสุขมากที่สุด คือ 2.7 ล้านบาท รองลงมาคือบรูไน (1.8 ล้านบาท) และมาเลเซีย (1.39 ล้านบาท)
อ่านงานวิจัยตัวเต็มได้ที่นี่