- พศิกา เขินอำนวย
- ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทย
แม้จะเผชิญกับกระแสต่อต้านบนโลกออนไลน์อย่างหนักจนกลายเป็นแฮชแท็กอันดับหนึ่งบนทวิตเตอร์ในไทยหลายระลอก แต่วันที่ 5 ม.ค. ลูกหนัง-ศีตลา วงษ์กระจ่าง ยังคงมีกำหนดเดบิวต์ผลงานเพลงอย่างเป็นทางการในฐานะไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีวง H1-KEY (ไฮ-คีย์)
โดยเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวที่มาจากประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นสมาชิกที่ได้รับความสนใจอย่างสูงทั้งในไทยและเกาหลีใต้ แม้ความสนใจนั้นแทบจะไม่เกี่ยวข้องกับผลงานและความสามารถของเธอเท่าไหร่นักก็ตาม
ชื่อของ “ลูกหนัง” หรือ ศีตลา วงษ์กระจ่าง วัย 24 ปี กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางหลังจากเปิดตัวเป็นไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปเกาหลีวง H1-KEY (ไฮ-คีย์) ในชื่อ ศีตลา (Sitala) สมาชิกหนึ่งเดียวที่มาจากประเทศไทย ร่วมกับสมาชิกชาวเกาหลีอีก 3 คน คือ เยล (Yel) ซออี (Seoi) และ ริอินะ (Riina) สังกัดค่าย Grandline Group (GLG)
โดยกำหนดการเดบิวต์เพลงและมิวสิกวิดีโอ คือ วันที่ 5 ม.ค. นี้ เวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของเกาหลีใต้ หรือ 16.00. น. ตามเวลาไทย ในซิงเกิล “Athletic Girl” ภายใต้คอนเซ็ปต์สาวนักกีฬาเช่นเดียวกับชื่อเพลง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจกลับไม่ใช่ผลงานเพลงหรืออนาคตในวงการบันเทิงเกาหลีของลูกหนัง ซึ่งเป็นลูกสาวของศรัณยู วงษ์กระจ่าง นักแสดงผู้ล่วงลับ แต่กลับกลายเป็นอดีตทางการเมืองของตัวเธอและพ่อของเธอที่ยังติดตัวมาจนถึงปัจจุบัน
พร้อมกับคำถามจากหลายคนว่า ทำไมคนที่เคยร่วมชุมนุมทางการเมืองที่นำมาสู่การรัฐประหารในประเทศของตัวเอง จึงกล้าเปิดตัวเป็นศิลปินในประเทศที่มีประชาธิปไตยเข้มแข็งมากประเทศหนึ่งอย่างเกาหลีใต้
- “ม็อบนกหวีด” กับ 4 เรื่องหลังฉาก กปปส.
- สุเทพ เทือกสุบรรณ ปฏิญาณ “รับใช้กษัตริย์” และ “ขจัดระบอบทักษิณ” คือ ภารกิจ รปช.
- 19 ก.ย. 2549 กว่าทศวรรษของ “รัฐประหารเสียของ”
- 6 ปีรัฐประหาร เปิดสถิติคดีการเมือง-ละเมิดสิทธิภายใต้ “ระบอบ คสช.” จากยุคอำนาจนิยม ถึง อำนาจกลายรูป
……………….
ย้อนรอยมรสุมบนโลกออนไลน์ที่ “ลูกหนัง” ต้องเผชิญ
17 พ.ย. 2564
วง H1-KEY เปิดบัญชีบนทวิตเตอร์ @H1KEY_official อย่างเป็นทางการและทยอยเปิดตัวสมาชิกตามลำดับ
29 พ.ย. 2564
การเปิดตัวสมาชิกคนที่ 4 ของวง คือ ลูกหนัง-ศีตลา ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากบรรดาชาวเน็ตไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นชื่อ SITALA พร้อมกับข้อความบนโปรไฟล์ของเธอที่ระบุว่าเป็นคนไทย เนื่องจากแทบจะไม่มีข่าวเลยว่าจะมีคนไทยไปเดบิวต์เป็นศิลปินเคป็อบในช่วงนี้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม ข้อความที่ว่า “ฉันมีคุณพ่อเป็นไอดอล” ซึ่งเขียนด้วยลายมือของลูกหนังกลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของกระแสต่อต้าน เมื่อชาวเน็ตสืบค้นประวัติจนพบว่าลูกหนังเป็นลูกสาวฝาแฝดคนน้องของ ตั้ว-ศรัณยู วงษ์กระจ่าง และ เปิ้ล-หัทยา วงษ์กระจ่าง คู่สามีภรรยาซึ่งมีผลงานเป็นที่ยอมรับในวงการบันเทิงไทยมายาวนาน
โดยเฉพาะศรัณยูที่ได้รับรางวัลการันตีฝีมือการแสดงไม่ว่าจะเป็นรางวัลตุ๊กตาทอง รางวัลเมขลา รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ฯลฯ ก่อนจะผันตัวไปเป็นผู้กำกับและผู้จัดละคร
ถึงแม้ศรัณยูจะล่วงลับไปเมื่อเดือน มิ.ย. 2563 ด้วยโรคมะเร็งตับ แต่อดีตของศรัณยูในฐานะนักแสดงเปี่ยมความสามารถและอีกบทบาทในฐานะแกนนำกลุ่ม “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” (พธม.) หรือ “กลุ่มคนเสื้อเหลือง” รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในขบวนดาราที่ตบเท้าขึ้นปราศรัยบนเวที กปปส. ในปี 2556-2557 จนนำมาสู่การรัฐประหารปี 2557 โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ยังคงเป็นที่จดจำ
30 พ.ย.-7 ธ.ค. 2564
-
#แบนลูกหนัง และ #SITALA ขึ้นอันดับหนึ่งข้ามคืน
การเปิดตัวของลูกหนังและประวัติส่วนตัวของเธอและครอบครัวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับวิกฤตการเมืองไทยครั้งสำคัญทำให้แฮชแท็ก #แบนลูกหนัง และ #SITALA ขึ้นเทรนดิ้งอันดับ 1 ในประเทศไทยข้ามวัน ชาวเน็ตจำนวนมากลงความเห็นว่าจะไม่สนับสนุน “ลูกสาวเผด็จการ” โดยให้เหตุผลว่าการกระทำของลูกหนังและครอบครัวของเธอส่งผลกระทบอย่างมาก ทำให้คนรุ่นหลังรวมถึงเยาวชนจำนวนมากไม่สามารถใช้ชีวิตตามความฝันได้เพราะเหตุรัฐประหาร
อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นอีกฝ่ายระบุว่า ลูกหนังไม่สมควรถูกแบนเนื่องจากการกระทำของพ่อของเธอ และควรแยกแยะตามตัวบุคคล รวมถึงควรหันมาสนับสนุนคนไทยที่มีความสามารถจนได้ไปเดบิวต์ในต่างแดนมากกว่า
-
แบนลูกหนังเพราะเธอเป็น “ลูกของคนที่สนับสนุนเผด็จการ” หรือ “เธอเป็นคนที่สนับสนุนเผด็จการ” กันแน่?
แม้กระแส #แบนลูกหนัง จะมีจุดตั้งต้นจากการที่เธอเป็นลูกของ “แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ” แต่ความจริงแล้ว ลูกหนังก็เคยแสดงจุดยืนทางการเมืองด้วยการร่วมชุมนุม กปปส. ปี 2557 ร่วมกับครอบครัว รวมถึงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอเองก็มีจุดยืนทางการเมืองเช่นเดียวกับครอบครัวและเป็นผู้มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ครั้งหนึ่งลูกหนังโพสต์ภาพครอบครัววงษ์กระจ่าง 4 คน อันประกอบด้วย ตั้ว-ศรัณยู เปิ้ล-หัทยา ลูกหนุน-ศุภรา และตัวเธอยืนเปียกปอนท่ามกลางสายฝนระหว่างเดินทางกลับจากการไปถวายพวงมาลัยดอกไม้สดเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร บริเวณริมกำแพงพระบรมมหาราชวังเมื่อปี 2560 พร้อมคำบรรยายภาพว่า “ครอบครัววงษ์กระจ่างกับสายฝนหน้าพระบรมมหาราชวัง #รักพ่อหลวงสุดหัวใจ #สู้ฝนเพราะรักพ่อ” แต่ปัจจุบันภาพชุดนี้ไม่ปรากฏอยู่ในอินสตาแกรมของศีตลาแล้ว
จากปรากฏการณ์การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ขับไล่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์แบบ “ทะลุเพดาน” ในช่วงปี 2563-2564 โดยมีผู้เข้าร่วมหลักเป็นกลุ่มเยาวชนที่ต้องการสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทัดเทียมกับประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเต็มใบ การเปิดตัวเป็นศิลปินในเกาหลีของลูกหนัง จึงกลายเป็นเรื่องที่ชาวเน็ตบางส่วนโดยเฉพาะวัยรุ่น-เยาวชนรู้สึกว่ายอมรับไม่ได้
-
ข่าว “ลูกสาวเผด็จการเตรียมเดบิวต์” กวาดพื้นที่สื่อเกาหลี-ไทย-อังกฤษ
เว็บไซต์ข่าวทั้งในไทยและต่างประเทศอย่าง Topstarnews, Instiz, Koreatimes, Dispatch, NME ของอังกฤษ รวมถึงสถานีโทรทัศน์ KBS ของเกาหลีใต้ ต่างนำเสนอข่าวเกี่ยวกับกระแสต่อต้านการเดบิวต์ของเธอบนโลกออนไลน์ พาดหัวข่าวบางชิ้นเรียกลูกหนังว่า “ลูกสาวเผด็จการ”
รวมถึงให้บริบทเหตุการณ์และวิกฤตทางการเมืองในประเทศไทยนับตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ปี 2551 โดยมีศรัณยูเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ รุ่นที่ 2 ตามด้วยการเข้าร่วมชุมนุม กปปส. ในปี 2557 ของเธอและครอบครัว
การชุมนุมของ กปปส. ครั้งนั้นนำมาสู่รัฐประหารในปีเดียวกันโดยกลุ่ม คสช. ซึ่งมี พล.อ. ประยุทธ์เป็นหัวหน้าคณะรัฐประหารในครั้งนั้น และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันมายาวนานถึง 8 ปี
ความไม่พอใจลุกลามจากชาวเน็ตไทยไปยังชาวเน็ตเกาหลี มีทั้งกระแสเรียกร้องให้ถอดตัวลูกหนังออกจากวง ไปจนถึงการรณรงค์ให้แบนวงเกิร์ลกรุ๊ปนี้หากค่ายยังเดินหน้าเดบิวต์ต่อโดยไม่สนกระแสต้าน
8 ธ.ค. 2564
ค่ายเพลง GLG ต้นสังกัดของลูกหนังออกมาเคลื่อนไหวเป็นครั้งแรกด้วยการโพสต์แถลงการณ์ทั้งภาษาเกาหลีและภาษาอังกฤษบนช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ โดยระบุว่าจะไม่มีการปลดลูกหนังและเธอจะยังคงได้เดบิวต์เป็นศิลปินวง H1-KEY ต่อไป เนื่องจากมุมมองและการแสดงออกทางการเมืองในอดีตของพ่อของเธออยู่นอกเหนือขอบเขตที่เธอจะสามารถรับผิดชอบได้ สรุปใจความสำคัญจากแถลงการณ์ดังนี้
“…GLG ขอแสดงความเสียอย่างสุดซึ้งต่อทุกคนที่ได้รับความเจ็บปวดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประเทศไทยจะพบเจอความสงบสุขและมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เราระมัดระวังเป็นอย่างสูงในการแสดงท่าทีต่อกระแสต่อต้านศีตลา หนึ่งในสมาชิกวง H1-KEY และบิดาของเธอที่ล่วงลับไปแล้ว เนื่องจากเราจำเป็นต้องพิจารณาภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจ และบริบททางสังคมของประเทศไทยเพื่อทำความเข้าใจประเด็นต่าง ๆ และสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ตั้งแต่รับรู้ถึงข้อกังวลของประชาชนชาวไทย เราได้ทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นในกรณีของศีตลาอย่างละเอียดถี่ถ้วน รวมไปถึงการกระทำของบิดาของเธอในอดีต ตลอดจนการถูกเลี้ยงดูขณะที่ยังเป็นผู้เยาว์จนกระทั่งเธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ โดยบริษัทมีข้อสรุปว่าเราไม่อาจให้ศีตลารับผิดชอบต่อการกระทำและการตัดสินใจต่าง ๆ ในอดีตของผู้เป็นบิดา เนื่องจากสิ่งเหล่านั้นอยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของเธอ
ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทจึงตัดสินใจไม่เปลี่ยนแปลงสมาชิกของวง เราขอย้ำว่าการที่ศีตลาตัดสินใจที่จะระบุว่าบิดาของเธอ คือ ต้นแบบในการใช้ชีวิต นั้นหมายถึงเป็นต้นแบบในบทบาทของบิดาผู้เลี้ยงดูครอบครัว นักแสดง และผู้กำกับ โดยไม่เกี่ยวข้องกับมุมมองและการแสดงออกทางการเมืองของเขา…”
28 ธ.ค. 2564
จาเมซ (Ja Mezz) หรือ คิมซองฮี แร็ปเปอร์ผู้ดำรงตำแหน่งประธานค่ายเพลง Grandline Entertainment (GRDL) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Grandline Group (GLG) ประกาศลาออกจากตำแหน่งและยุบค่ายเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อข่าวฉาวเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเขา หลังถูกอดีตแฟนสาวเปิดเผยว่าเขามีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงและใช้สารเสพติด โดยจาเมซออกมายอมรับว่าเขาเคยเสพแอลเอสดี (LSD) และกัญชา พร้อมขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกและยุบค่ายเพลง
โดยก่อนหน้านี้ จาเมซเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากกรณีแต่งแร็ปที่มีเนื้อหากระทบชาวมุสลิมจากเพลงรวมศิลปินฮิปฮ็อปในชื่อเพลง 119 Remix ที่ปล่อยออกมาในปี 2018 ซึ่งมีเกรย์ (Gray) เป็นโปรดิวเซอร์ จากเนื้อเพลงที่ระบุว่า “ขนาดผู้หญิงอาหรับยังต้องถอดผ้าคลุมฮิยาบแล้วมาสวมบิกินีแทน ฮิปฮ็อป” (Even Arab women take off their hijab and wear a bikini, Hiphop)
การประกาศยุบบริษัทแม่ของค่ายเพลงต้นสังกัด ทำให้การเดบิวต์ของลูกหนังถูกจับตามองอีกครั้งว่าจะสะดุดหรือยังเป็นไปตามกำหนดการเดิม
29 ธ.ค. 2564
ค่ายเพลงต้นสังกัดไม่ปล่อยให้การเดบิวต์ของวงเป็นที่เคลือบแคลงใจนานนัก เพราะเพียงวันเดียวหลังประกาศยุบค่ายแม่ก็มีการประกาศรายละเอียดซิงเกิลอัลบั้มและช่องทางการสั่งจองตามมาแทบจะในทันที เป็นการยืนยันอีกครั้งว่าวง H1-KEY จะยังเดบิวต์และขายอัลบั้มตามกำหนดการเดิมที่วางไว้
……………………..
คงต้องติดตามกันอีกครั้งว่าหลังจากวง H1-KEY เดบิวต์แล้ว กระแสจะเปลี่ยนไปในทิศทางใด และผลงานของเธอจะประสบความสำเร็จจนทำให้ผู้คนลืมภาพอดีตที่เป็น “ลูกสาวเผด็จการ” แล้วหันมาจดจำเธอในฐานะ “ศิลปินเคป็อบ” แทนได้หรือไม่
………………
ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ข่าวสด เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว