คำผกา เชื่อเพื่อไทยทำได้ ค่าแรง 600 บาท ป.ตรี 25,000 ยกระดับศักดิ์ศรีคนไทย

Home » คำผกา เชื่อเพื่อไทยทำได้ ค่าแรง 600 บาท ป.ตรี 25,000 ยกระดับศักดิ์ศรีคนไทย


คำผกา เชื่อเพื่อไทยทำได้ ค่าแรง 600 บาท ป.ตรี 25,000 ยกระดับศักดิ์ศรีคนไทย

คำผกา เชื่อเพื่อไทยทำได้ ค่าแรง 600 บาท ป.ตรี 25,000 ยกระดับศักดิ์ศรีคนไทย อั๋นชี้ประเทศเจริญแล้ว ค่าแรงสูง คุณภาพชีวิตดี

เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. 2565 ข่าวสดออนไลน์ จัดรายการ “ข่าวจบ คนไม่จบ” ดำเนินรายการโดย อั๋น ภูวนาท คุนผลิน และแขก ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา ในหัวข้อ “จะทำได้มั้ย เพื่อไทยเปิด 10 นโยบาย ค่าแรง 600 บาท ป.ตรี 25,000 บาท”

คำ ผกา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเรื่องค่าแรงทำได้ทันที เพราะตอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้ามาปุ๊บ ทำได้เลย ค่าแรง 300 บาท และขึ้นเงินเดือนปริญญาตรีเป็น 15,000 บาท ซึ่งมีคนเข้ามาแสดงความเห็นว่า ผู้ประกอบการจะอยู่ยังไง ข้าวของจะแพงขึ้นไหม คนจบป.ตรี 25,000 บาท ในฐานะผู้ประกอบการ เจ้าของบริษัทจะต้องตายแน่ๆ

อั๋น กล่าวเสริมว่า ถ้าอยู่ดีๆ ประกาศดีเดย์เคาะว่าภายในกี่เดือนต้องขึ้นเงินเดือน ตนมีพนักงานเยอะก็จะมีปัญหาแน่นอน แต่ในท้ายที่สุดก็เข้าใจว่า เมื่อมันมีกระแสเงินสดในตลาดมากขึ้น ระบบมันจะเดินหน้าได้ แต่ก่อนที่มันจะหมุนมาถึงเรา ตนจะมีแรงหมุนเวียนตรงนั้นเพียงพอหรือไม่ ถ้าเป็นกลุ่มธุรกิจที่พนักงานส่วนใหญ่ได้รับค่าแรงขั้นต่ำ ตนว่ามีความเสี่ยงที่มีบางธุรกิจอาจไปต่อไม่ได้ในช่วงนั้นจริงๆ แม้จะเป็นผลกระทบในช่วงสั้นก็ตาม แต่ถ้าเรามองภาพกว้างในระยะกลางและระยะยาว ตนมั่นใจว่านโยบายนี้จะเป็นประโยชน์มากกว่า แต่คุณต้องเห็นใจคนที่ได้รับผลกระทบในระยะสั้นด้วย

คำ ผกา กล่าวต่อว่า ถ้าเอาโมเดลสมัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ เขาจะมีมาตรการทางภาษีสำหรับผู้ประกอบการในช่วง 2 ปีแรกที่มีการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ มีการลดหย่อนภาษีช่วยผู้ประกอบการ หรือมีมาตรการช่วยผู้ประกอบการให้ผ่านเฟสแรกไปให้ได้ จนกระทั่งรายได้ของแรงงานทั้งหมดมันกลับมาสู่ตลาดอีกครั้ง หากค่าแรงขึ้นจาก 300 บาท เป็น 600 บาท คนอาจจะออกไปกินข้าวนอกบ้านมากขึ้น เริ่มกู้เงินซื้อบ้าน เริ่มผ่อนรถ เริ่มใช้จ่าย แล้วตลาดมันก็โตขึ้นไปพร้อมๆ กัน

อั๋น กล่าวว่า ตนอยากให้ลองไปดู 10 เมืองล่าสุดที่เพิ่งเปิดเผยออกมาว่า ค่าครองชีพสูงที่สุดในโลก มีเมืองไหนไม่เจริญบ้าง แล้วถ้าอยากได้ค่าครองชีพต่ำๆ ไปค้นหาดูว่า 10 เมืองที่ค่าครองชีพต่ำที่สุด ประชาชนอยู่ดีกินดีหรือไม่

คำ ผกา กล่าวเสริมว่า เวลาเราพูดเรื่องค่าครองชีพกับค่าแรง เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่ค่าแรงสูงกว่าเรามาก ค่าครองชีพของเรากลับไม่ต่ำกว่าเขาเท่าไร

อั๋น กล่าวต่อว่า ของในประเทศเราค่อนข้างแพง เมื่อเทียบกับรายได้ หากเราไปต่างประเทศเมื่อก่อนก็จะคิดว่าของแพงมาก แต่ตอนนี้พอจ่ายเงินเสร็จก็เท่ากับบ้านเราเลย แต่ประชาชนเขาถึงจะเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ให้บริการหรือเป็นคนขับรถแท็กซี่ ถ้าสองอาชีพนี้อยู่ในประเทศเราไม่มีทางใช้ชีวิตที่ดีได้ แต่คนในประเทศที่เจริญแล้ว ต่อให้คุณขับแท็กซี่ เป็นพนักงานทำความสะอาด พนักงานเสิร์ฟ แต่นั่งกินข้าวร้านเดียวกับผู้บริหารได้ ยกตัวอย่างว่าเขาสามารถนั่งกินข้าวได้พารากอนได้ อาจจะไม่ทุกมื้อแต่ก็กินได้ แต่ของประเทศเราเป็นไปไม่ได้

คำ ผกา กล่าวอีกว่า ตอนจบของการแถลงนโยบายเรื่องค่าแรงวันนี้ พรรคเพื่อไทยบอกว่าจำเป็นต้องยกระดับค่าแรง เพื่อยกระดับศักดิ์ศรีของคนไทยทุกคน อย่างน้อยที่สุดให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน เราจะทำให้คนมีศักดิ์ศรีเท่ากันไม่ได้ ถ้าความแตกต่างเรื่องรายได้หรือค่าแรงมันสูงขนาดนี้ ซึ่งมันเป็นมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ควรจะเป็น

อั๋น กล่าวเสริมว่า มาตรฐานคุณภาพชีวิตและมาตรฐานความเป็นคนที่เสมอภาคกัน นอกจากเรื่องรายได้ เขาพูดครบว่า เรื่องการเข้าถึงสุขภาพที่ดีถ้วนหน้า การศึกษา และเรื่องระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งนี่เป็นหัวใจสำคัญมาก เพราะทำให้คนเท่ากันได้ไม่ว่ารวยหรือจน คุณถึงเห็นว่า ประธานาธิบดีหรือแม้แต่รัฐมนตรีของสวีเดน ยังปั่นจักรยานกลับบ้านหรือนั่งรถเมล์กลับบ้านได้ เพราะคุณภาพขนส่งสาธารณะเขาดีเพียงพอ เขาไม่ต้องซื้อรถยนต์ส่วนตัวก็ได้ เพราะมันสบายและไปได้เหมือนกัน

คำ ผกา กล่าวต่อว่า เหมือนเมืองหลวงโคลอมเบีย ที่นายกเทศมนตรีขึ้นมาปฏิวัติระบบขนส่งมวลชนในเมือง ด้วยการเปลี่ยนจากเมืองที่รถติดที่สุดในโลกเป็นเมืองจักรยาน แล้วเขาทำได้จริงๆ และเขาบอกว่าสิ่งที่เป็นนิยามของความสุขสำหรับคนในเมืองไม่ใช่เแค่เรื่องเงิน ไม่ใช่มีเงินเยอะๆ แล้วจะมีความสุข แต่สำหรับเขาเมืองที่มีความสุขคือเมืองที่คนมีเวลาที่จะนั่งอิ่มเอมกับการเห็นต้นไม้ ลมพัด

คำ ผกา กล่าวอีกว่า วิธีเดียวที่เราจะคืนเมืองคืนต้นไม้ให้กับเมืองให้กับผู้คน นั่นคือทำให้รถบนถนนน้อยลง แล้วทำให้คนต้องเดินได้ เหมือนนกที่บินได้ ทำยังไงเราจะคืนศักยภาพนี้ให้กับชาวเมือง นั่นเป็นกุญแจดอกแรกที่จะคืนอิสรภาพและคืนความสุขให้กับคนในเมือง

คำ ผกา กล่าวต่อว่า คิดดูว่าโคลอมเบียเรียกค่าไถ่กันทุกวัน ลักพาตัวกันทุกวัน เต็มไปด้วยอาชญากรรม แต่นายกเทศมนตรีก็ปั่นจักรยาน พร้อมมีบอดี้การ์ดที่มีปืนปั่นตามหลัง เขาก็ทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นนายกเทศมนตรีแล้ว เพราะที่นั่นเป็นได้น่าจะไม่เกิน 2 สมัย แต่เขากลายเป็นโมเดลและเดินสายปาฐกถาทั่วโลก ว่าเขาทำให้เมืองหลวงโคลอมเบียซึ่งโคตรอันตราย เต็มไปด้วยอาชญากรรม กลายเป็นเมืองจักรยานได้ เมืองไหนๆ ก็ต้องทำได้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ