เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.2565 ที่สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี นายธนพร แพทย์วงษ์ น.ส.สลักใจ พันธ์ดิษฐ ครูวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบุรี ร้องเรียนว่า ตนพร้อม นายจิรพันธ์ สมพงษ์ ทนายความ เข้าพบ ร.ต.อ.สายยนต์ ขึ้นนกคุ่ม ร้อยเวร สภ.ชะอำ ที่สภ.ชะอำ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากรณีที่ นายนรินทร์ แก้วทอง อดีตผอ.วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบุรี ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผอ.วิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์ แจ้งความดำเนินคดีฐานลักทรัพย์ เป็นซีดีแผ่นการเรียนการสอนภายในวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบุรี จำนวน 55 แผ่น
นายธนพร เปิดเผยว่า การแจ้งความครั้งนี้คาดว่าจะเป็นการกลั่นแกล้ง เนื่องจากเมื่อเดือนพ.ค.2565 ขณะที่นายนรินทร์ยังดำรงตำแหน่งเป็น ผอ.วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเพชรบุรี ตนได้ร้องเรียนพฤติกรรม นายนรินทร์ และพวก ไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) สำนักนายกรัฐมนตรี สถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคกลาง และรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ รวมประมาณ 40 หน่วยงาน รวมถึงมีการถวายฎีกาถึง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องจาก นักเรียนและนักศึกษาที่ ศึกษาอยู่ในวิทยาลัยเกษตรเป็นสมาชิกขององค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพฯ และต่อมา สตง.ได้รับเรื่องดำเนินการสอบสวน
นายธนพรกล่าวต่อว่า ตนได้แจ้งเรื่องให้มีการตรวจสอบกรณีสงสัยในพฤติกรรมของนายนรินทร์ จำนวน 21 ข้อ โดยให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่มีความน่าสงสัยว่า อาจจะมีการทุจริตยักยอกเงินค่าอุดหนุนค่าอุปกรณ์การเรียนและค่าเครื่องแต่งกายของนักเรียนระดับ ปวช.ทั้งนักเรียนในระบบ และนอกระบบ(โครงการ อศ.กช.) มาเก็บไว้ในบัญชีที่ไม่ใช่บัญชีทางการของสถานศึกษา และไม่นำจ่ายนักเรียนจริงตามแนวทางการดำเนินงานตามโครงการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาหรือไม่
โดยในปีการศึกษา 2564 นักเรียน ปวช. 2 นักเรียนปวช 3 ไม่ได้รับเงินอุดหนุน ค่าเครื่องแต่งกายปีละ 900 บาท แม้แต่รายเดียว เพราะนำไปหักเป็นเงินเรียกเก็บเพิ่มจากนักเรียนในส่วนของค่าประกันอุบัติเหตุ 200 บาท ค่ากองทุนสุขภาพ 300 บาท ค่าตรวจสุขภาพ 100 บาท ค่าประกันของเสียหาย 200 บาท และค่าบำรุงองค์การ 100 บาท ซึ่งเงินเรียกเก็บเพิ่มเหล่านี้ไม่ผ่านมติคณะกรรมการวิทยาลัยหรือมติกรรมการบริหารใดๆ
นอกจากนี้ ยังอาจจะมีความไม่โปร่งใส ในการรับเงินส่วนต่างจากเอกชนโดยไม่ทราบแหล่งที่มา ไม่มีการออกใบเสร็จรับเงินจากสถานศึกษา, การเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการไปราชการ, อาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการใช้ทรัพยากรของสถานศึกษาในทางมิชอบ กรณีแปลงกัญชงและกัญชา, ปัญหาการเบิกจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงานในวันหยุดราชการกรณีโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม, ปัญหาการรับเงินเบิกจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงานนอกเวลาราชการในโครงการอศ.กช., ปัญหาการนำเงินอุดหนุนค่าอาหารนักเรียนโครงการเกษตรปฏิรูปไปจ้างแม่ครัวรายวัน
ปัญหาการจัดซื้อสื่อการเรียนการสอน ซีดี อาจด้อยคุณภาพมาตรฐานไม่ตรงกับหลักสูตรปัจจุบัน, ปัญหาการเซ็นสัญญาจ้างครูอัตราจ้างโดยไม่มีประกาศรับสมัครไม่มีการสอบคัดเลือก (ครูอัตราจ้าง เจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพ และคิวซี โรงงานนม), ปัญหาการรับมอบของฝากของขวัญ ที่อาจขัดหลักไม่มีนโยบายการรับของขวัญ (No Gift policy), ปัญหาการเรียกเก็บจากนักเรียนที่อาจผิดหมวดเงินมาฝากไว้ในบัญชีนอกที่ไม่เป็นทางการ และยังมีข้อมูลที่บ่งบอกว่าอาจจะมีการทุจริตในการเรียกสาขาของตำแหน่งครูผู้ช่วยบรรจุข้าราชการครูในสถานศึกษา
“กรณีที่ผมถูกแจ้งความครั้งนี้ แผ่นซีดีที่ถูกอดีตผอ.กล่าวอ้างว่าเป็นทรัพย์สินที่ถูกผมลักทรัพย์นั้น เป็นแผ่นซีดีการเรียนการสอน ซึ่งเป็นมูลเหตุหนึ่งที่อาจเกิดความไม่โปร่งใส เนื่องจากมีการจัดซื้อมาในราคาที่สูงเกินไปถึงแผ่นละ 1,800 บาท และไม่ตรงตามหลักสูตรการเรียนการสอนปัจจุบัน ผมจึงนำแผ่นซีดีจำนวนหนึ่งใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงแนบการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ นอกจากนี้ซีดีดังกล่าวไม่มีมูลค่าในการซื้อขาย ไม่มีเหตุจำเป็นที่ผมนจะต้องนำไปจนเป็นคดีลักทรัพย์ คาดว่าการแจ้งความดำเนินคดีผมและเพื่อนอาจเกิดจากการกลั่นแกล้งเพื่อประสงค์ให้หยุดดำเนินการการร้องเรียนตรวจสอบการทุจริตดังกล่าว แต่ผมยืนยันจะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและคืนสิทธิ์ให้กับนักเรียนผู้ได้รับผลกระทบต่อไป” นายธนพรกล่าว