สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด 19 ในประเทศไทยในขณะนี้ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวันอยู่ในหลักพันต่อวัน และผู้เสียชีวิตหลักสิบต่อวัน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข หารือเตรียมความพร้อมการเดินหน้า “โควิด” สู่โรคประจำถิ่นอย่างปลอดภัย ด้วยแนวคิด Health for Wealth
และวานนี้ 10 ก.ค. 65 เพจ Center for Medical Genomics ได้โพสต์ข่าวดีเกี่ยวกับ โควิด 19 ที่อาจจะพัฒนาเพื่อใช้ชีวิตร่วมกันกับมนุษย์ได้ โดยระบุข้อความ
ข่าวดี! ทีมวิจัยจากกาตาร์ สรุปมีความเป็นไปได้อย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่ ไวรัสโคโรนา 2019 และมนุษย์จะมีการวิวัฒนาการร่วมกันออกมาในรูปแบบ (pattern) ของการติดเชื้อคล้ายกับไวรัสไข้หวัดธรรมดา (common cold virus) หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus)
การพัฒนาระหว่างมนุษย์และโควิด 19
งานวิจัยล่าสุดจากทีมวิจัยจากประเทศกาตาร์ ศึกษาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวนกว่า 1 ล้านคน เก็บข้อมูลมาตั้งแต่ช่วงแรกของการระบาดจากไวรัสอู่ฮั่น ตามมาด้วยการระบาดของสายพันธุ์ อัลฟา เบตา เดลตา มาเป็นลำดับจนมาถึง โอไมครอน BA.1, BA.2, BA.4 และ BA.5 ในปัจจุบัน บ่งชี้ว่า
- 1) ภูมิคุ้มกัน ที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำที่ได้จากการติดเชื้อตามธรรมชาติหรือจากการฉีดวัคซีน (แอนติบอดี จากบีเซลล์:B-cell ที่เข้าจับและทำลายไวรัสอย่างจำเพาะ) มีคุณสมบัติทางชีวภาพ (Biological property) ที่จะลดประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อซ้ำอย่างรวดเร็วและหมดลงในเวลาไม่กี่ปี ประกอบกับคุณสมบัติของไวรัสเอง (Virological property) ที่เป็นไวรัสอาร์เอ็นเอ ซึ่งมีกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่องส่งผลให้แอนติบอดีจำไวรัสที่กลายพันธุ์ไปไม่ได้ ทำให้ประสิทธิภาพในการจับและทำลาย (neutralization) ไวรัสลดลงเช่นกัน
- 2) ตรงกันข้าม ภูมิคุ้มกันที่ป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต (จากทีเซลล์:T-cell ที่กระตุ้นเซลลืเม็ดเลือดขาวเข้าทำลายบรรดาเซลล์ติดเชื้อไวรัสแบบไม่จำเพาะ) ยังคงมีประสิทธิภาพดีเต็ม 100 ไม่ลดลง ตลอด 14 เดือนที่ทีมวิจัยเก็บข้อมูล ไม่ว่าผู้ติดเชื้อรายนั้นจะติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์หลักหรือสายพันธุ์ย่อยที่กลายพันธุ์ไปเท่าใดก็ตาม
- 3) ภูมิคุ้มกันประเภทแอนติบอดีที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำ ซึ่งได้จากการติดเชื้อจากธรรมชาติจะยืนยาวกว่าภูมิคุ้มกันที่ได้มาจากการฉีดวัคซีน
ทีมวิจัยยังพบว่าในยุคก่อนการมีการระบาดของโอไมครอนภูมิคุ้มกันจากแอนติบอดี ที่ได้จากการฉีดวัคซีนจะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี ในขณะที่ภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำจะคงอยู่ได้ประมาณ 3 ปี
แต่ในยุคการระบาดของโอไมครอนภูมิคุ้มกันจากแอนติบอดี ที่ได้จากการฉีดวัคซีนจะคงอยู่ได้ <6 เดือน ในขณะที่ภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติที่ป้องกันการติดเชื้อซ้ำจะคงอยู่ได้ประมาณ 1 ปี
- โอมิครอน BA.5 แข็งแรงกว่าทุกสายพันธุ์ ระบาดเร็วขึ้น ติดง่ายทั้งติดใหม่และติดซ้ำ
- ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ! สธ. สิงคโปร์ ยืนยันผู้ติดเชื้อ ฝีดาษลิง 4 ราย
- เช็กสิทธิ์ด่วน! แนวปฏิบัติผู้ติดเชื้อโควิด 19 สิทธิบัตรทอง เริ่ม 4 ก.ค. 65
ทีมวิจัยจากกาตาร์ สรุปว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าที่ไวรัสโคโรนา 2019 และมนุษย์จะมีการพัฒนาตนเองออกมาในรูปแบบ (pattern) ของการติดเชื้อคล้ายกับไวรัสไข้หวัดธรรมดา (common cold) หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza) กล่าวคือ
การติดเชื้อไวรัสไข้หวัดธรรมดาจากไวรัสโคโรนา และไวรัสไข้หวัดใหญ่จากไวรัส Influenza จะก่อเกิดภูมิคุ้มกันระยะสั้น(จากแอนติบอดี) ป้องกันการติดเชื้อซ้ำอย่างจำเพาะต่อแต่ละสายพันธุ์ได้เพียงประมาณหนึ่งปีหรือตามฤดูกาล แต่จะเกิดภูมิคุ้มกันที่ป้องกันอาการติดเชื้อรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต(จากทีเซลล์) ที่สามารถป้องกันการติดเชื้อรุนแรงที่ไม่จำเพาะต่อสายพันธุ์ได้ตลอดชีวิต
อนึ่ง เนื่องจากไวรัสโคโรนา 2019 มีความสามารถในการกลายพันธุ์หลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ ส่งผลให้เกิดการระบาดเป็นระลอก (wave) ต่อเนื่องไป (อาจเป็นการระบาดรายปี) ในอนาคต อย่างไรก็ตามภูมิคุ้มกันที่ยั่งยืน (memory T และ B cells) จะช่วยป้องกันมิให้เกิดการติดเชื้อซ้ำที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตจะมีผลให้รูปแบบของการติดเชื้อของไวรัสโคโรนา 2019 ลดความรุนแรงลงจน สามารถอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ในลักษณะของโรคประจำถิ่นในที่สุด
Duration of immune protection of SARS-CoV-2 natural infection against reinfection in Qatar | medRxivhttps://www.medrxiv.org/…/10.1101/2022.07.06.22277306v1…
ข่าวอื่น ๆ Bright Today
Website :https://www.brighttv.co.th/
Facebook : https://www.facebook.com/BrightTodayOfficial
Line Today : https://today.line.me/th/v2/publisher/101753