![ขับถ่ายปกติ! สาวพบ 2 สัญญาณเตือน ก่อนตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ หมอย้ำอย่ามองข้าม ขับถ่ายปกติ! สาวพบ 2 สัญญาณเตือน ก่อนตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ หมอย้ำอย่ามองข้าม](https://s.isanook.com/ns/0/ud/1944/9721410/new-thumbnail1200x720(5)(2).jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
หมอไต้หวันเผยเคสสาววัย 30 กว่าปี ไม่มีอาการผิดปกติในการขับถ่าย แต่มี 2 สัญญาญเตือน ก่อนตรวจพบเป็น “มะเร็งลำไส้ใหญ่”
เมื่อนึกถึงสัญญาณของ “โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่” หลายคนมักคิดถึงอาการถ่ายเป็นเลือด ท้องอืด หรือขับถ่ายลำบาก
เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.เชียน เจิ้งหง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินอาหาร ชาวไต้หวัน เผยว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการขับถ่ายหรือมีเลือดปนในอุจจาระ มักทำให้หลายคนกังวลว่าอาจเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะมะเร็งที่เกิดทางด้านขวาของลำไส้ใหญ่มักแสดงออกผ่านอาการโลหิตจาง ผู้ป่วยอาจมีใบหน้าซีด เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง หรือรู้สึกอ่อนเพลีย นอกจากนี้ อาการเวียนศีรษะและหูอื้อก็ไม่ควรมองข้าม
ดร.เชียน เจิ้งหง เล่าเคสของหญิงสาววัย 30 กว่าปี ที่ไม่มีอาการผิดปกติในการขับถ่าย แต่มีอาการเวียนศีรษะและหูอื้อ เนื่องจากบางคนอาจมีภาวะโลหิตจางเล็กน้อยในช่วงมีประจำเดือน เธอจึงคิดว่าอาการเหล่านี้เกี่ยวข้องกับช่วงประจำเดือน แต่เมื่ออาการหูอื้อยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน เธอเริ่มรู้สึกว่าไม่ปกติ
และวันหนึ่งขณะทำงานเมื่อเงยหน้าขึ้นเปิดหน้าต่าง เธอรู้สึกเวียนหัวทันทีและมองเห็นทุกอย่างเป็นสีดำ รู้สึกเหมือนจะเป็นลม พร้อมอาการหูอื้อรุนแรงจนไม่สามารถทำงานต่อได้ จึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลเพื่อขอคำปรึกษา
ดร.เชียน เจิ้งหง กล่าวว่า หลังจากหญิงสาวไปพบแพทย์ เธอได้รับการตรวจพบว่ามีภาวะโลหิตจางรุนแรง ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้จากช่วงประจำเดือน สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการโลหิตจางเช่นนี้ แพทย์จะเริ่มจากการตรวจอุจจาระเพื่อตรวจหาการมีเลือดซ่อนอยู่ ผลการตรวจพบว่าเป็นบวก จึงได้ทำการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่และพบว่าเธอเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
ด้าน ดร.หวู ฮงเฉิง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลหิตวิทยาและมะเร็งจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน กล่าวว่า หากพบผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจาง จะไม่สามารถรักษาแค่การให้ยาเหล็กแล้วจบ เพราะภาวะโลหิตจางอาจเป็นสัญญาณของหลายโรค
เขากล่าวถึงงานวิจัยที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในสหรัฐอเมริกา ได้ทำการศึกษาในระหว่างปี 1983-1987 โดยศึกษาผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ 207 ราย พบว่าผู้ป่วยทั้งหมดมีอาการ 15 ประการ ซึ่งโลหิตจาง พบใน 57% ของผู้ป่วย หมายความว่าเกือบ 60% ของผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่มีอาการโลหิตจาง
นอกจากนี้ งานวิจัยจากไอซ์แลนด์ที่ติดตามข้อมูลระหว่างปี 1955-2004 พบว่าในระยะเวลา 50 ปี มีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักกว่า 2,000 ราย โดยผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจางมีอัตราความเป็นไปได้ประมาณ 60-70%
ดร.หวู ฮงเฉิง เน้นย้ำว่า หากพบผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจางโดยเฉพาะชนิดขาดธาตุเหล็ก ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในผู้ชายที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก เนื่องจากผู้ชายมีโอกาสเกิดภาวะนี้ได้ยากกว่าผู้หญิง ซึ่งอาจมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น การมีประจำเดือน