เทียบแฟนเก่าด่าหนังหน้าด่าชาติกำเนิดนั่งร้องไห้ ขอเก็บความรักครั้งนี้เป็นเรื่องส่วนตัวแต่งงานไม่ใช่เครื่องชี้วัด จันจิ เปิดความในใจ คนที่ไม่คู่ควร
สองเพื่อนซี้ มารี เบรินเนอร์ และ ลิลลี่ ภัณฑิลา เผยคลิปล่าสุด เปิดความในใจ จันจิ จันจิรา ใน ว่ามาดิ with Lily and Marie EP12 : Insecurities คนที่ไม่คู่ควร ความในใจของ “จันจิ จันจิรา”
จันจิ เผยปมที่ยังมีอยู่ถึงตอนนี้ คิดว่าตัวเองไม่สวย ต้องอย่าหยุดสวย รู้สึกมองตัวเองไม่สวยตั้งแต่เด็ก เพราะถูกเปรียบเทียบกับพี่สาว เพื่อนจะล้อเรื่องความเก่ง พี่สาวเก่งศิลปะมาก คนจะบอกทำไมไม่เก่งเหมือนพี่ ซึ่งเราชอบเต้นมากแต่ตอนนั้นยังไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับ แต่โดนฝึกการทำหน้าที่ให้ดีที่สุดทำให้มั่นใจในการแสดงออก เป็นการฝึกฝนมากกว่าที่ดูมั่นใจ
ช่วงประถมเป็นช่วงที่ไม่มั่นใจที่สุด พ่อแม่เหมือนแยกทางกัน แม่ไปฟิลิปปินส์ อยู่กับพ่อ ผู้ชายเลี้ยง ห้าวๆ งงกับชีวิต จนมาจุดประกายเรื่องเต้นตอนเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เรียนอย่างจริงจังเป็นแดนเซอร์ แต่ที่บ้านด่ายับ เต้นกินรำกิน ทะเลาะกับที่บ้านตลอดเวลา แต่เราเลือกแล้ว เราแยกเลย กลับกันพี่สาวทำอะไรก็ซัพพอร์ต พี่สาวเป็นดั่งใจ
ถามว่าพอเข้าวงการมามีแฟนที่ทุกคนกรี๊ดมากหล่อจังเลย เรามีความรู้สึกเหมือนเราไม่คู่ควรเหมือนมีคนทำให้เรารู้สึกเราไม่เหมาะสมไหม จันจิ ยอมรับ คำว่าไม่คู่ควร คิด คือหนังหน้าเรากับหนังหน้าเขา แต่ว่าเราสู้ตายนะ จะพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด จะเป็นคนดีมีศีลธรรม ตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด
ทำไมไม่คิดว่าเราสวยถึงมีแฟนอย่างนี้ จันจิ ตอบว่า ไม่ได้มั่นหน้าขนาดนั้นนะ จริงๆ ไม่ได้เป็นคนมั่นหน้ามั่นโหนกขนาดนั้น ตอนที่เป็นข่าวช่วงแรกๆ นั่งรองไห้ ไม่อยากลืมตาตื่นขึ้นมาเลย ทำไมต้องด่าขนาดนั้น
ด่าหนังหน้า ด่าชาติกำเนิด แบบเป็นแดนเซอร์ไม่คู่ควร พี่โอ้เขาก็จะมีแฟนเก่า เปรียบเทียบแล้วเราแบบ ทำไมต้องเปรียบเทียบ ทำไมต้องเปรียบเทียบเพราะเราไม่ใช่คนเดียวกัน เราน้อยใจ เราชอบอ่าน ปัจจุบันนี้ก็อ่าน แต่บล็อกดีกว่า ไม่เจ็บ
ถามว่ามาริโอ้ช่วยอะไรเราบ้าง จันจิ กล่าวว่า ก็ช่วยคุย ปลอบใจ ให้ข้อคิด แต่เราไม่มีทางเข้าใจจนกว่าจะเข้าใจตัวเอง ถ้าเราไม่เข้าใจว่าเราไม่สนใจ เราก็ไม่มีวันที่จะทำใจได้ ต่อให้ใครพูดยังไงให้กำลังใจยังไง ก็ไม่มีทาง นอกจากตัวเองจะฮึบเองได้ ไปโฟกัสงานดีกว่า เรารู้คนเดียวก็ได้ เขาไม่รู้ไม่เป็นไร ปัจจุบันคือไม่โดนด่าแล้ว
ถามว่าตอนนี้ยังมีความรู้สึกแบบไหนคู่ควรไม่คู่ควรหรือไม่สนแล้ว จันจิ ตอบติดตลกว่า ไม่สนดีกว่า เพราะเราก็หาหมอแพง ดูแลตัวเอง ฉีดโบท็อกซ์เป็นแกลลอนแล้ว ถ้าคุณบอกเราไม่สวยก็เรื่องของคุณแล้ว เพราะฉันแพงฉีดมาแพง แพงทั้งตัว
ถามถึงความรักที่คบกันแบบลับๆ จันจิ รีบบอกว่า ไม่ จริงๆใช้ชีวิตปกติมากๆ เหมือนคนทำทุกอย่างแล้วโพสต์ลงโซเชียลเลยรู้สึกว่าการโพสต์มันคือการเปิด แต่จริงๆ ก็ใช้ชีวิตปกติ ไปกินข้าวไปดูหนัง ทำทุกอย่างปกติสุข คืออีกมุมของเรา เราลงไอจีก็อีกมุม อีกมุมหนึ่งก็ส่วนตัวดีกว่า
เมื่อก่อนก็อยากเปิดอยากโพสต์แต่พอเจอกระแสไม่อยากแล้ว ปัจจุบันรู้สึกไม่โพสต์ดีกว่า คนมาโฟกัสเราจริงๆ มาดูเราเต้น เราทำอะไร ไม่ได้มาเพื่อดูพี่โอ้ ก็คุยกันว่าไม่ลงดีกว่า เพราะตอนนั้นเป็นข่าวดังๆ เพื่อความปลอดภัยของชีวิต การที่เราอยู่ด้วยกันสองคนมันไม่ได้จบที่เราสองคน ทำไมต้องมีคนมายุ่งอะไรมากมาย
ถามว่ามองอนาคตยังไงจะจบที่คนนี้หรือเปล่า จันจิ กล่าวว่า รู้สึกว่าตอนนี้ยังรู้สึกเด็ก ที่อยากจะทำอะไรอีกมากมาย ยังไม่คิดเรื่องแต่งงานเลย ไม่ใช่เรื่องจำเป็น ด้วยความที่พ่อแม่จันจิอยู่ด้วยกันไม่ได้แต่งงานแล้วก็โอเค แต่ก็มีพาร์ทที่อยู่ดีๆก็ไม่โอเคแล้วก็แยกย้ายกันไป
การที่อยู่กันแล้วไม่มีปัญหาเป็นเรื่องที่ดีที่สุด อย่าเอาการแต่งงานมาวัดว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เป็นไปไม่ได้ มันไม่ใช่ที่สุดของชีวิต ที่สุดก็คือความเข้าใจกันมากกว่า
การมีความรักแบบไม่ต้องเปิด เป็นโลกของเรา ถ้ามุมเด็กๆมันคงอึดอัด แต่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็ไม่จำเป็น แต่บางคนไม่เปิดเผยก็เอาจังหวะนั้นไปมีเมียน้อยอะไรอย่างนั้นก็มี เคยไปอ่านมา แต่จันจิรู้สึกว่ามันเป็นแค่โลกโซเชียลที่เราเปิดตัว แต่ในชีวิตจริงเราก็รู้ว่าเราทำอะไร เป็นยังไงก็พอแล้ว