การแข่งขันดำเนินมาถึงบทส่งท้ายซีซันของ “The Apprentice: ONE Championship Edition” แล้ว โดยเวทีถูกเซ็ทเพื่อให้ผู้แข่งขันสองคนสุดท้ายต่อสู้กันเพื่อข้อเสนองานมูลค่า 250,000 เหรียญสหรัฐ หรือกว่า 7.8 ล้านบาทเพื่อทำงานขึ้นตรงกับประธานและซีอีโอของ วัน แชมเปียนชิพ นายชาตรี ศิษย์ยอดธง ในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายพนักงานคนใหม่ของ ONE
หลังจาก 12 สัปดาห์ของความท้าทายทางกายภาพและความท้าทายทางธุรกิจอันหนักหน่วง รวมถึงดราม่าอันตึงเครียดในห้องประชุมคณะกรรมการ ผู้เหลือรอดสองคนสุดท้ายจากการแข่งขันครั้งนี้ได้แก่ เจสสิกา ราเมลลา ผู้อำนวยการฝ่ายขายในสิงคโปร์จากเวเนซุเอลาและอดีตแชมป์ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หลุย แสงกาลัง จากฟิลิปปินส์ ซึ่งทั้งสองมาได้ไกลขนาดนี้ด้วยความมุ่งมั่น, ความอดทน และทำงานหนัก แต่พวกเขาแต่ละคนใช้วิถีทางที่แตกต่างกันเพื่อมาถึงจุดนี้
เจสสิกา ราเมลลา
เจสสิกาเกิดและเติบโตในเวเนซุเอลา โดยทิ้งครอบครัวของเธอไว้ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเมื่ออายุ 18 ปี เพื่อสร้างเส้นทางชีวิตของเธอเอง เธอเดินทางจากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง ไล่ตามความฝันในอาชีพของเธอในโลกธุรกิจที่โหดร้าย
ในที่สุด เจสสิกาก็ได้งานในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายขายที่บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับนานาชาติในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นที่ที่เธอสมัครเข้าร่วมออดิชันสำหรับ “The Apprentice: ONE Championship Edition”
ตลอดซีซันแรกของรายการ เจสสิกาได้แสดงให้เห็นถึงความปราดเปรื่องและทักษะการแก้ปัญหาที่เหนือล้ำของเธอ เมื่อใดก็ตามที่เธอได้รับมอบหมายงาน เธอจะทำหน้าที่ของเธอได้อย่างเกือบสมบูรณ์แบบ เจสสิกาได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันที่มากความสามารถที่สุดในการแข่งขันอย่างไม่ต้องสงสัย
ในฐานะผู้บริหาร เจสสิกามีประสบการณ์เจนจัด ถึงกระนั้นเธอก็อธิบายว่าคุณสมบัติพิเศษของเธอนั้นเป็นข้อบกพร่องที่ร้ายแรงที่สุดของเธอเช่นกัน เจสสิกาเป็นเพอร์เฟคชันนิสต์ และบ่อยครั้งที่เธอต้องการความสมบูรณ์แบบจนเกินไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาตรีคอยระวังไว้ตั้งแต่แรก
ในเชิงกลยุทธ์ เจสสิการับความเสี่ยงที่คำนวณได้น้อยครั้งมาก เธอรับหน้าที่เป็นผู้จัดการโครงการของทีมเพียงครั้งเดียวในรายการ และเธอต้องการให้คนอื่นเป็นฝ่ายรับแรงกดดันจากการนั่งตำแหน่งนี้ สิ่งนี้นำไปสู่การปะทะกับนาซี ซาเจดี ที่รู้สึกว่าเจสสิกาชอบปัดความรับผิดชอบ ทั้งคู่ปะทะฝีปากกันหลายตอน
เจสสิกายังมีความโดดเด่นตรงที่เธอเป็นผู้แข่งขันเพียงคนเดียวที่ไม่เคยรั้งท้ายในสามอันดับล่างของความท้าทายทางธุรกิจ ส่งผลให้ชาตรีไม่มีโอกาสทำความรู้จักเธอเช่นเดียวกับผู้แข่งขันคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เจสสิการู้สึกว่าไม่ควรถือโทษโกรธเธอในเรื่องนี้
ในฐานะหนึ่งในสองผู้เข้าชิงในตอนจบของซีซัน เจสสิกาเพียงแค่ต้องการตอกย้ำความเป็นตัวเต็งในการสัมภาษณ์สุดท้ายเพื่อที่จะได้เป็น “The ONE”
หลุย แสงกาลัง
เกิดในเมืองบาเกียว ประเทศฟิลิปปินส์ หลุยเคยเป็นวัยรุ่นที่ติดเหล้า หัวขบถ และชอบความรุนแรง เขากลายเป็นพ่อคนเมื่ออายุได้ 21 ปี
จากนั้นเมื่ออายุ 23 ปี หลุยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งไส้ติ่ง เขารอดจากบททดสอบและได้รับชีวิตที่สอง และนั่นคือตอนที่เขาค้นพบศิลปะการต่อสู้ และแล้วหลุยส์ก็กลายเป็นนักศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานมืออาชีพ เขายังคว้าแชมป์ URCC รุ่นเฟเธอร์เวต และครองเข็มขัดได้ตั้งแต่ปี 2546-2548 ในปี 2548 หลุย
กลายเป็นผู้เข้ารอบรองชนะเลิศในรายการ “Kamao: Matira ang Matibay” รายการเรียลลิตีชกมวยรายการแรกในฟิลิปปินส์
หลังจากที่อาชีพนักกีฬาต่อสู้ของเขาสิ้นสุดลง หลุยก็หันมาสนใจธุรกิจ เขาเคยทำงานในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการเงินรายย่อย, ความบันเทิง, การบริการ, คาสิโน, เอาท์ซอร์สในกระบวนการทางธุรกิจ และการประกันภัย
ในปี 2561 หลุยกลายเป็นผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็งชาวฟิลิปปินส์คนแรกที่จบการแข่งขันมาราธอนขั้วโลกเหนือ ในปีเดียวกันนั้นเอง เขาจบการแข่งขัน Ironman Philippines ครั้งแรก และได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นนักกีฬาบราซิลเลียนยิวยิตสูสายม่วง โดยศาสตราจารย์เฟอร์นานโด ซาลวาดอรื ภายใต้สมาคม Pedro Sauer BJJ
ใน “The Apprentice: ONE Championship Edition” หลุยสร้างชื่อเสียงในฐานะ “นักฆ่าไร้เสียง” ซึ่งเป็นภัยคุกคามเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งและเป็นผู้บริหารที่มีความสามารถ
ตลอดทั้งซีซัน หลุยส์ทำงานและเปล่งประกายจากข้างสนาม ในขณะที่ผู้แข่งขันคนอื่นๆ มีส่วนร่วมในการเมืองในองค์กร เขาได้วางกลยุทธ์การแข่งขันของเขาอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเน้นที่การดำเนินการอย่างเข้มงวดและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่เจ้าเล่ห์
การสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายคือสิ่งเดียวที่ขวางกั้นระหว่างหลุยส์กับชัยชนะ
ทั้งเจสสิกาและหลุยต่างเป็นคู่ต่อกรที่น่าเกรงขามในแบบของตน แต่ละคนมีทั้งจุดอ่อนและจุดแข็งของตัวเอง พวกเขาทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลวในการแข่งขันครั้งนี้ แต่เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาได้แสดงทักษะที่น่าประทับใจที่ทำให้โดดเด่นเกินหน้าผู้เข้าแข่งขันระดับโลกคนอื่นๆ
ในตอนจบ นายชาตรีและแขกรับเชิญพิเศษ แอนโทนี ตัน ซีอีโอของ Grab จะพาเจสสิกาและหลุยไปพบกับการสัมภาษณ์ที่เข้มข้น ซึ่งอาจเป็นการสัมภาษณ์งานที่ยากที่สุดในชีวิตของพวกเขา เพื่อค้นหาว่าจริงๆ แล้วพวกเขาเป็นคนแบบไหน ซีอีโอทั้งสองจะพยายามทลายกำแพงและเข้าถึงแก่นตัวตนที่แท้จริง เพื่อตัดสินใจขั้นสุดท้ายและสวมมงกุฎ “The ONE” ให้แก่ผู้ชนะ
ติดตามชม The Apprentice: ONE Championship Edition ตอนสุดท้าย วันพุธที่ 16 มิถุนายน 2564 ทางอมรินทร์ทีวี HD ช่อง 34 ตั้งแต่เวลา 22.30 น. (หลังรายการทุบโต๊ะข่าว) และทาง LINE TV ในวันพฤหัสบดีตั้งแต่เวลา เที่ยงคืนครึ่งเป็นต้นไป