กอล์ฟ เบญจพล อวดหน้าใหม่ ไม่พึ่งแอพฯ หลังบินไปแก้จมูกรอบ2 ที่เกาหลีใต้ เตือนพวกชอบบูลลี่ มีเงินพอไหม หน้าเราแต่ทำไมไปหนักหัวคนอื่น
วันที่ 29 มิ.ย. 2565 นักแสดงหนุ่ม กอล์ฟ เบญจพล เชยอรุณ ไปร่วมพูดคุยในงานแถลงข่าว “ก้าวต่อไปสภาองค์กรของผู้บริโภคกับการคุ้มครองผู้บริโภคไทย” ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ หลังจบงานเจ้าตัวได้อวดโฉมหน้าใหม่ หลังจากบินไปแก้จมูกใหม่รอบ2 ที่ประเทศเกาหลีใต้
โดย กอล์ฟ เผยว่า “มันเพิ่งจะเดือนกว่าเองครับ เราเลยยังไม่อยากออกมาให้สัมภาษณ์ อยากให้มันเข้าที่จริงๆ ก่อน ครั้งที่แล้วตอนที่ทำมันเดือนเดียวเอง พอออกมามันก็บวมมาก ครั้งนี้เราไปทำที่เกาหลี มองว่ามันน่าจะ 3 เดือนถึงเข้าที่ แต่ให้ชัวร์จริงๆ มันต้อง 6 เดือน รอนิดนึง ตอนนี้ 1 เดือนกับ 10 วันเอง แต่ได้ขนาดนี้ เราโอเค แฮปปี้มาก ตอนที่อยู่เกาหลีสักวันที่ 3 ก็ออกเที่ยวแล้ว มันช้ำ บวม น้อยมาก เราก็ใช้ชีวิตสนุกสนานที่นั่น”
แก้อะไรบ้าง? “จุดเริ่มต้นของการแก้หน้าคือจมูก ที่ทำเพราะมันใหญ่ขึ้นมากตามอายุเรา ผมไม่ได้ทำเพราะว่าเสริมหล่อนะ ผมทำเพราะแก้ไข เพราะรู้สึกว่ามันใหญ่เกินไป วิธีการทำในครั้งแรกของเราอาจจะเลือกผิดวิธี เป็นการตัดปีก เสริมซิลิโคนเข้าไปเลย พอเสร็จมันยังดูใหญ่ ยังเป็นแท่งอยู่
เคสแบบผมวิธีแก้ที่ถูกต้องสำหรับคนที่จมูกมันบานออกมามาก ตรงปลายจมูกไขมันเยอะ วิธีที่ถูกต้องเรียกว่าการผ่าแบบโอเพ่น แล้วเป็นการผ่าจากข้างใน ฉะนั้นมันจะไม่มีแผลอะไรให้เห็น ก่อนที่จะไปก็มีการติดต่อพูดคุยกับคุณหมอที่เกาหลีมาปีกว่า คุณหมอบอกเป็นเคสที่ค่อนข้างยากเหมือนกัน แล้วมันดันมีการผ่ามาครั้งนึงแล้วด้วย งานแก้ถือเป็นงานที่ยาก แต่คุณหมอบอกมีวิธีการอยู่แล้วไม่ได้ทำแค่แก้จมูก แต่ทำเอ็นโดไทน์ มันคล้ายๆ กับดึงหน้า ส่วนนึงเพื่อแก้ร่อง ไม่ให้มันเป็นร่อง ทำให้ใบหน้าบาลานซ์ หนังตาไม่ตก เพราะครั้งที่แล้วทำแล้วตาเรามันจะตี่ลง ไม่ใช่หน้าเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้คือหน้าคล้ายเมื่อก่อนมาก”
ถือว่าพอใจมาก? “อันนี้พอใจมาก ตอนนี้ไปไหนก็มีแต่คนถามว่าทำรึยัง เพราะว่ามันไม่มีแผล มันไม่บวม ไม่อะไรเลย ทั้งๆ ที่จริงๆ ตอนนี้มันยังบวมอยู่นะ มันบวมแค่ข้างใน เวลาทานอาหารเผ็ดๆ จะรู้สึกแสบๆ ก็ต้องมารอดูประมาณ 3-6 เดือน ว่ามันเข้าที่แล้วได้ประมาณไหน ซึ่งหมอบอกว่าถ้าคุณกอล์ฟยังไม่พอใจอีก 2 ปีให้มาแก้ใหม่ เพราะว่าถ้าเนื้อฮัมพ์จมูกมันเยอะแบบผมก่อนที่ทำ มันจะต้องเปิดเพื่อคว้านเอาไขมันออก ซึ่งมันไม่สามารถที่จะทำได้ 100 เปอร์เซ็นต์ในทีเดียว มันจะต้องค่อยๆ ทำ ถ้ายังไม่พอใจก็มาเอาส่วนที่เหลือออกอีก เพราะเขาไม่สามารถเอาออกหมดทีเดียวได้ ผมก็ยังไม่โอเคกับที่อยากจะเรียวเลยไง ผมก็อยากจะดูมีจมูกที่มีทรง สัน คม รับทรัพย์ แต่เราอยากให้มันแค่เล็กลง ไม่ไปกวนใบหน้ามากเหมือนตอนก่อนทำ”
หมดเงินไปเยอะไหม? “ตัวเลขไม่บอกแล้วกัน มันก็มีส่วนลดอยู่”
ก่อนที่จะไปแก้ที่เกาหลี เราเสียกำลังใจไหมว่าทำมาแล้วไม่ได้อย่างที่คิด? “มันก็มีเฟลนะ ด้วยความที่เราไม่ได้อยากจะเจ็บตัวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันใจเสียนะที่ต้องไปทำ แม้กระทั่งครั้งนี้ขนาดรอบ 2 แล้วนะ ใจคอก็ยังไม่ดี เพราะครั้งนี้มันเป็นการวางยาสลบ เราก็กลัวจะไม่ฟื้น ใจคอไม่ดีเลย ก่อนเข้าไปให้เอนเจนซี่กับเมียสวดมนต์หน้าห้องผ่าให้ เราแอบไม่สบายใจ กลัวจะหลับไปเลยแล้วจะทำยังไง
จากที่ทำครั้งแรก ระหว่างทางมันไม่สบายใจอยู่แล้วเพราะมันรู้อยู่แก่ใจ ตอนนั้นเราทำมา 8 เดือน ผมอยู่กับความกังวล ความไม่สบายใจอยู่กับ 1 ปี 4 เดือน ว่าเดี๋ยวเราจะต้องทำแล้วนะ มันรอมาเรื่อยๆ ถ้าเป็นไปได้อยากผ่าตั้งแต่ 8 เดือนแรกแล้ว อยากให้มันเสร็จๆ ไป อยากให้มันผ่านโมเมนต์นี้ไป”
ส่วนหนึ่งที่แก้ไข เพราะจากคอมเมนต์ต่างๆ ในโซเชียลหรือเปล่า? “ไม่เกี่ยว เพราะอย่างที่บอก เรายังยืนยันในเรื่องที่คนเข้ามาบูลลี่ น้อง พี่ย้ำให้ฟังนะ นี่ปี 2022 เขาไม่บูลลี่กันแล้ว เชย ไม่ทันสมัย ที่สำคัญกฎหมายเขาออกมาแล้ว เงินนะมีพอหรือเปล่าไปบูลลี่คน เพราะฉะนั้นไม่เอา บอกไว้เลยว่าคนพวกนี้ไม่ได้มีค่าในสายตา เหมือนสัมภเวสี ผมต้องขอโทษพวกเขาเหล่านี้ด้วยซ้ำว่า ทุกครั้งที่ผมมีความสุข ผมทำอะไรให้ดีขึ้น แล้วทำให้คุณเป็นทุกข์ผมขอโทษ คุณจงปล่อยวางซะ ผมอาจจะไปทำอะไรให้คุณเดือดร้อนก็ได้ เช่นคุณอาจจะเป็นจิ้งจก ที่ผมเคยเอาหนังสติ๊กไปดีดเล่นตอนเด็กๆ เจ้ากรรมนายเวรอย่างนี้เหรอ”
กลัวจะโดนบูลลี่อีกไหม? “ไม่กลัว เพราะว่าโพสต์บอกก่อนที่จะไปทำแล้ว บอกแม่แล้ว แม่บอกว่าอยากไปทำอะไรก็ทำ ไม่ได้สนใจอะไร แค่เตือนเฉยๆ ไม่ได้หมายความว่าท้าทายคุณนะ เพียงแต่บอกว่าพอได้แล้ว ไม่ใช่แค่ผม คือปัจจุบันนี้เรื่องบูลลี่ คนเขามองไปว่าทำเพื่ออะไร เอาเวลาไปทำอย่างอื่นไหม ทำมาหากินไหม อย่างปัจจุบันนี้เรื่องปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องโควิด ยังเครียดกันไม่พอเหรอ คุณอยากเอาเรื่องพวกนี้มาใส่ในหัวคุณเหรอ”
คำบูลลี่ไหน ที่รู้สึกว่ารับไม่ได้? “ไม่รู้ ไม่ได้อ่าน ไม่ได้สนใจ ผมไม่ได้ว่าพวกคุณนะ แต่ผมรู้สึกเสมอว่า เวลาที่คุณคอมเมนต์เรื่องพวกนี้มา ไม่ได้ว่านะ คุณอาจจะเป็นยุงที่ผมเผลอไปตบ แล้วคุณก็โกรธแค้น มาเกิดใหม่เป็นคนอะไรแบบนี้หรือเปล่า หรือเป็นเห็บหมา แล้วผมไม่อยากให้หมาโดนกัด คือเพื่ออะไร คุณพิมพ์มาคุณสนุก แต่ถ้าบังเอิญแม่ผมไปอ่าน แม่ผมเครียด เมียผมโกรธ แฟนกวินเขาจัดไปแล้วนะเคสแบบนี้ 3 แสน มีตังค์ไหม”
เรียกว่าถ้าด่าอีกฟ้องแน่? “อย่าให้เห็น (หัวเราะ) แปลกนะหน้าเรา แต่ทำไมไปหนักหัวคนอื่น แปลกมากเลย”
ครั้งนี้หล่อถูกใจแล้ว? “ผมย้ำนะว่าไม่ได้ทำเพื่อความหล่อ เวลาคนมาถามว่าหล่อหรือยังพี่ มันไม่ใช่นะครับ ผมไปแก้เพื่อให้เข้ากับใบหน้าแค่นั้นเอง แล้วคนคงสงสัยว่าถ้าไม่อยากหล่อไปแก้ทำไมครั้งที่ 2 ก็ครั้งแรกมันออกมาไม่ดี ไม่เข้ากับหน้า ไม่ถูกใจเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าไม่ดีเพราะฝีมือหมอนะ อาจจะเป็นเพราะว่าวิธีที่เราเลือกมันไม่ถูก มันอาจจะผิด วิธีการที่ถูกต้อง คือต้องผ่าแบบโอเพ่น มันก็เลยต้องแก้”
อยากจะไปทำอย่างอื่นอีกไหม? “ไม่ทำแล้ว ตอนนี้ก็ไหว้พระสวดมนต์รอดู 6 เดือน ต่อไปให้มันโอเค ถ้าถามผม ณ ตอนนี้ 1 เดือน 10 วันมันได้ขนาดนี้ ผมว่า 6 เดือน หรือ 1 ปี มันน่าจะโอเคครับ”
ถึงจะเคยทำไปแล้วก็ยังกลัวอยู่? “กลัวครับ กี่ทีก็กลัว แล้วอย่างที่บอกว่าครั้งที่ 2 กลัวมากจริงๆ เพราะมันเป็นการวางยาสลบ ครั้งที่แล้วไม่ได้วางยาสลบหลอนยิ่งกว่า เพราะรับรู้ตลอด 4 ชั่วโมงที่กำลังนอนในห้องผ่าตัด ผมว่าคนเราถ้าไม่จำเป็นเขาไม่แก้ไขหรอก โดยมากคนที่ทำศัลยกรรม มี 2 ประเด็นหลักๆ เท่านั้นเองครับ 1 เขามีปัญหา เป็นการรักษา อย่างผมทำเพื่อเป็นการรักษา เพราะว่ามันใหญ่เกินไป สองคนที่อยากดูดีขึ้น”
มีแบบตัวอย่างไปให้คุณหมอดูไหมว่าอยากได้แบบใคร? “มี แต่คุณหมอบอกว่าอย่าดูเลย การที่เราจะเป็นอีมินโฮ มันเป็นไปไม่ได้ (หัวเราะ) คือคุณหมอบอกว่าเวลาที่จะทำศัลยกรรมให้ใครจะเน้นความเป็นธรรมชาติ ต่อให้เอารูปไปให้คุณหมอดู เขาก็ยังบอกว่าเน้นบอกว่าให้ดูเป็นธรรมชาติ และเข้ากับรูปหน้า บางคนมาให้คุณหมอดูหลายรอบ คุณหมอเขาก็ไม่ทำให้ ผมก็เลยไม่ได้ฟิกซ์อะไรคุณหมอมาก ให้ดูเป็นธรรมชาติ และอยากให้จมูกดูเล็กลง แล้วก็เอารูปของเราตอนช่วงเข้าวัยรุ่นของเราให้คุณหมอดู บอกหมอว่าอยากให้หน้าเหมือนตัวเองอยู่ เพราะตอนนั้นจมูกเรายังไม่ได้ใหญ่มาก”
บางคนบอกว่าไปแก้หน้ามา เกี่ยวกับเรื่องดวงด้วย ชีวิตเรามีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม? “เหมือนเดิมนะ งานละครก็ยังมีเหมือนเดิม แล้วตอนนี้มีเพลงใหม่ชื่อเพลง “เกิดเป็นผู้ชาย” ออกทางยูทูบ ทุกอย่างยังเหมือนเดิมหมดเลย มันไม่ได้มีอะไรหวือหวา ตัวนักแสดงระดับผม ผมว่ามันก็ติดเพดานไปแล้ว ผมไม่ได้เป็นนักแสดงที่พยายามพัฒนาตัวเองขึ้น เพื่อขึ้นไปเป็นพระเอก เล่นละครมาก็เป็นเพื่อนพระเอก เพื่อนนางเอก พิธีกรของผมนี่สุดอยู่เท่านี้ มันคงไม่ทะลุไปไหนก็จะเห็นกันในละคร แต่ก็มีบางเรื่องฉากนี้หน้านี้ อีกฉากหน้าหนึ่ง จริงๆ เราลางานหมดแล้ว แต่ว่ามันมีอยู่เรื่องนึง เรื่อง ป่านางเสือ ตอนแรกวางไว้ว่าจะปิดกล้องตอนปลายปี แต่ปรากฎว่าช่องอยากให้รีบฉาย ช่องก็บอกว่าโอเค หน้าคงไม่ได้เปลี่ยนอะไรเยอะในละคร แต่เรื่องนี้คุณอาจจะเห็น 2 หน้า คือหน้าก็ไม่เปลี่ยนอะไรเยอะหรอก (หัวเราะ)”