กลัวไม่ได้กลับยะไข่! 3 พม่าหนีตาย “โอมิครอน” เผ่นจากมาเลเซีย โดนจับคาด่านระนอง คนพาอ้างเห็นทุกคนมีเอกสารนึกว่าผ่านได้ ค่าจ้างแค่ 1,500 บาท
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 ธ.ค.64 พ.อ.ภูมิพัฒน์ บุญเรืองขาว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 25 กองกำลังเทพสตรี ได้รับรายงานจาก กองร้อย.ร.2521 จุดตรวจศิลาสลัก ประจำด่านตรวจความมั่นคงบนถนนเพชรเกษม รอยต่อ จ.ระนอง-จ.ชุมพร ได้ตรวจรถเก๋ง สีบรอนซ์เทา หมายเลขทะเบียน กข 8670 ชุมพร ซึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้า จ.ระนอง โดยมี นายวิชัย หรือชัย กรีญาติ อายุ 67 ปี ชาว จ.ชุมพร เป็นคนขับ และมีชายชาวเมียนมา 3 คน นั่งมาภายในรถยนต์ดังกล่าว
เมื่อขอตรวจเอกสารหนังสือเดินทางประจำตัว พบเพียงเอกสารที่ถ่ายด้านหน้าหนังสือพาสปอร์ต ซึ่งเป็นรูปหน้าของบุคคลอื่น มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่าน เพื่อหวังตบตา และต้องการเดินทางเข้าไปที่บ้านทับหลี ต.มะมุ อ.กระบุรี จ.ระนอง เพื่อที่จะแอบเดินทางกลับข้ามไปยังประเทศเมียนมา
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายวิชัย ให้การอ้างว่า ได้รับการว่าจ้างจาก นายเหน่ง คนไทย และ นายเบิร์ด ชาวเมียนมา ในพื้นที่ปากน้ำชุมพร จ.ชุมพร ให้นำพาชาวเมียนมาทั้ง 3 คน มาส่งที่บ้านทับหลี อ.กระบุรี จ.ระนอง ในอัตราค่าจ้างคนละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 1,500 บาท โดยที่ตนเห็นว่าทุกคนมีเอกสารประจำตัว ประกอบกับผู้ว่าจ้างทั้ง 2 ราย ยืนยันว่าสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้ ตนจึงนำพาแรงงานชาวเมียนมาทั้ง 3 คนมาส่ง ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจเรียกตรวจสอบ
ซึ่งจากการตรวจสอบชาวเมียนมาทั้ง 3 คน คือ นายซาเมี๊ย อายุ 54 ปี, นาย โจโจ อายุ 22 ปี และ นายอาวนายอู อายุ 32 ปี ทั้ง 3 เป็นแรงงานต่างด้าวที่เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย เพื่อเดินทางกลับไปยังบ้านเกิด เมืองยะไข่ ประเทศเมียนมา และได้รับวัคซีนแล้ว 2 เข็ม โดยให้การผ่านล่ามว่า เดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.64 โดยรถกระบะ มาถึงที่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.64
โดยติดต่อผ่านนายหน้าชื่อ นายเมาไค ที่ประเทศมาเลเซีย เสียค่าเดินทางเป็นเงิน 27,000 บาท จากนั้นมาพักอยู่ที่บ้าน นายทุงเอจอ ที่ปากน้ำชุมพร เป็นเวลา 11 วัน เพื่อรอเอกสารหนังสือเดินทาง จาก นายทุงเอจอ จนเมื่อเที่ยงที่ผ่านมา นายทุงเอจอ ได้นำเอกสารเดินทางมาให้ พร้อมติดต่อรถคันดังกล่าวให้มารับเพื่อไปส่งที่ท่าเรือบ้านทับหลี จ.ระนอง เพื่อจะเดินทางข้ามกลับไปยัง จ.เกาะสอง ประเทศเมียนมา
โดยสาเหตุที่เดินทางกลับ แรงงานชาวเมียนมาทั้ง 3 คน ให้การเพิ่มเติมว่า เนื่องจากฝั่งประเทศมาเลเซีย เริ่มมีข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน จึงทำให้เกิดความกลัว และพวกตนไม่มีเอกสารทำงานที่ถูกต้อง เกรงหากมีการติดเชื้อกันเป็นจำนวนมาก จะไม่มีโอกาสที่จะได้กลับบ้านเกิดเมืองยะไข่ จึงตัดสินใจว่าจ้างให้กลุ่มนายหน้าข้ามชาติ ติดต่อประสานงานให้นำพวกตนเดินทางกลับเข้าไทย โดยมีการส่งต่อในเครือข่ายนายหน้าชาวเมียนมาในแต่ละพื้นที่ ให้ดูแลอำนวยความสะดวกในเรื่องการเดินทางเป็นทอดๆไป
ทหารชุดจับกุม ได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 โดยการพ่นแอลกอฮอล์ล้างมือให้กับชาวเมียนมาและควบคุมตัว ผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ส่ง สภ.ปากจั่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมประสานให้สาธารณสุขอำเภอกระบุรี ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ต่อไป