กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม : อยากติดทีมชาติเพราะเสื้อเบลเซอร์ สู่นักกีฬาเรือใบโอลิมปิกสมัยที่สอง

Home » กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม : อยากติดทีมชาติเพราะเสื้อเบลเซอร์ สู่นักกีฬาเรือใบโอลิมปิกสมัยที่สอง
กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม : อยากติดทีมชาติเพราะเสื้อเบลเซอร์ สู่นักกีฬาเรือใบโอลิมปิกสมัยที่สอง

ความฝัน เป็นแรงบันดาลใจสำคัญอยู่เสมอ ไม่ว่าฝันเหล่านั้นจะเป็นสิ่งใดก็ตาม

สำหรับ “แบม-กมลวรรณ จันทร์ยิ้ม” เธอใ่ฝ่ฝันอยากติดทีมชาติไทย ไม่ใช่เพราะชื่อเสียง เงินทอง แต่เป็นเพราะเสื้อเบลเซอร์ที่เธอเห็นบรรดานักกีฬาตัวแทนประเทศสวมใส่กัน

กมลวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2539 ในครอบครัวที่ชื่นชอบกีฬาเรือใบ เมื่ออายุได้ครบ 8 ขวบ เธอได้เริ่มออกทะเลเป็นครั้งแรก โดยมี พี่ชาย ดูแลอยู่ไม่ไกล

 

แม้จะมีความกลัวอยู่บ้าง แต่ กมลวรรณ ก็สามารถบังคับทิศทางเรือได้สำเร็จ นั่นทำให้เธอมีความสุขเป็นอย่างมาก ทุกคราที่ แบม แล่นเรือใบออกทะเล เธอจะรู้สึกผ่อนคลาย และมักเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่บ่อยครั้ง

เมื่อเวลาผ่านไป กมลวรรณ ได้เริ่มฝันถึงการติดทีมชาติอย่างจริงจัง เพื่อเสื้อเบลเซอร์ตัวนั้นที่เธอปรารถนา ภายใต้การฝึกซ้อมของ พ.จ.อ.จุลพงษ์ จันทร์ยิ้ม คุณพ่อของเธอ ผู้เคยเป็นอดีตนักกีฬาเรือใบทีมชาติเช่นกัน


Photo : Bogee Toth/Sailingacademygc

แบม ได้ฝึกซ้อมแบบจริงจังมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอติดทีมชาติชุดเยาวชนตั้งแต่อายุ 11 ปี ก่อนจะคว้าเหรียญเงินในซีเกมส์ที่อินโดนีเซีย ด้วยอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น และเพียงหนึ่งปีหลังจากนั้น กมลวรรณ ได้ลงแข่งคัดเลือกไปโอลิมปิกเกมส์ที่ลอนดอน ในปี 2012 แต่ก็พลาดไปเพียงแค่ 3 อันดับเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แบม ได้เก็บนำความผิดพลาดเหล่านี้มาเป็นบทเรียน เธอได้ศึกษาวิธีการจากนักกีฬาต่างประเทศ นำเทคนิค กลวิธีต่าง ๆ มาปรับใช้กับตัวเอง รวมทั้งการหาผู้สนับสนุน เพื่อให้สามารถลงแข่งได้หลากหลายรายการยิ่งขึ้น

 

แต่ก็ใช่ว่าทุกสิ่งจะเป็นดั่งใจนึก กมลวรรณ ทำผลงานได้ต่ำกว่าเป้าหมาย จนเกือบหันหลังให้การเล่นกีฬาเรือใบแล้ว แต่เมื่อคนรอบตัวยังคงสนับสนุน และเชื่อมั่นในตัวเธอ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะหยุด

กมลวรรณ ผ่านเข้าแข่งโอลิมปิกที่ริโอได้สำเร็จ โดยเป็นนักกีฬาหญิงไทยคนแรก ที่เข้าแข่งในประเภท เลเซอร์เรเดียล ของโอลิมปิกเกมส์ได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นขณะที่เธอกำลังศึกษาระดับปี 1 ของมหาลัยอยู่

แม้จะไม่ได้ติดอันดับ 1-10 ได้ตามที่เธอคาดหวังไว้ แต่อันดับที่ 32 ในโอลิมปิก ของดาวรุ่งวัย 20 ปี ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์อันแสนล้ำค่าของเธอแล้ว ทั้งการเรียนรู้จากในและนอกสนาม

 

4 ปีต่อมา เธอสามารถนำมาปรับใช้เพื่อพัฒนาผลงานของตัวเอง จนคว้าตั๋วโตเกียว เกมส์ ได้สำเร็จ และกำลังจะได้แข่งโอลิมปิกครั้งที่ 2 ในชีวิตของเธอที่โตเกียว พร้อมกับความหวังที่จะทำอันดับและผลงานได้ดีกว่าเดิม

จากฝันที่เริ่มต้นจากการอยากใส่เสื้อเบลเซอร์ สู่นักกีฬาความหวังของทีมชาติไทย ที่พร้อมเป็นแรงบันดาลใจให้น้อง ๆ รุ่นถัดไป อยากเดินตามรอยของเธอ มาร่วมลุ้นกันว่า กมลวรรณ จะนำพาฝันของเธอไปสู่ฝั่งที่หมายปองไว้ได้หรือไม่ ในโตเกียว โอลิมปิกเกมส์ ครั้งนี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ