“อิทธิพร” ยัน กกต. ไม่ปล่อยคนทำทุจริตเลือกตั้ง ส.ส. แน่ ชี้กรอบ 60 วัน หลังกาบัตรไม่มีผลต่อการสืบสวน ไม่มีปล่อยผี เร่งให้ตั้งรัฐบาลก่อน
21 เม.ย. 66 – นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการสืบสวนทุจริตการเลือกตั้งว่า ขณะนี้มีเรื่องการซื้อเสียงเข้ามาจำนวน 8 เรื่อง และ 15 เรื่องเป็นการหาเสียงหลอกลวง โดยมาตรการการป้องกัน กกต.ได้มีการแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง 423 คน
ซึ่งผู้ตรวจการเลือกตั้งจะมีผู้ช่วย 1 คน นอกจากนี้ยังมีชุดเคลื่อนที่เร็วของตำรวจ ที่จะปฏิบัติหน้าที่ 15 วันก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นกลไกที่ช่วยป้องกันการทุจริตได้อีกทั้งครั้งนี้มีอาสาสมัครที่มาจาก ไอลอว์ และ วีวอช เข้ามาช่วยจะทำให้หูตาของเรากว้างขวางยิ่งขึ้น จะช่วยป้องกันในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้อยากเชิญชวนประชาชนร่วมสังเกตการณ์การเลือกตั้ง เพราะถ้าท่านมีข้อมูลเบาะแสแล้วแจ้งต่อกกต. หากนำไปสู่การพิพากษาว่ามีการกระทำความผิด กกต.มีเงินรางวัลชี้เบาะแสในกรณีถ้าพบการกระทำความผิดของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. 300,000 – 1,000,000 บาท
ส่วนกรณีการแจกใบส้ม ใบเหลือง กับผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. นั้น ถ้าหาก กกต. พบความปรากฎ และมีพยานหลักฐานอันทำให้เราเชื่อว่า มีการทุจริตและยังไม่ได้ประกาศผล กกต.สามารถแจกได้ ทั้งนี้กกต.ไม่ได้ตั้งเป้าว่า จะให้ใบส้มกับใคร กกต.ตัดสินตามพยานหลักฐานตามระเบียบว่าด้วยการสืบสวนสอบสวนของกกต.
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า กกต.อาจไม่กล้าแจกใบส้ม เนื่องจากมีคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ให้ กกต.ชดใช้ค่าเสียหายของ นายสุรพล เกียรติไชยากร ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 นายอิทธิพร กล่าวว่า กกต.พิจารณาเรื่องนี้บนข้อมูลหลักฐานในช่วงเวลานั้น ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เมื่อวินิจฉัยแล้วผลที่จะตามมาเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับ
เมื่อถามว่า กกต.จะพิจารณาเหตุทุจริตทันก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า จะทันหรือไม่ก็ไม่กระทบต่อการดำเนินการของกกต. เพราะว่าจะเชื่อมโยงต่อการประกาศผลการเลือกตั้งที่จะต้องประกาศภายใน 60 วันหลังวันเลือกตั้ง ถ้าสอบสวนไม่ทันก็สามารถสอบสวนต่อได้ ซึ่งการสอบสวนหลังการประกาศผลการเลือกตั้งจะไม่ได้แจกใบส้มแต่จะต้องแจกใบแดงแทนซึ่งศาลฎีกาจะเป็นผู้ตัดสิน
เมื่อถามอีกว่า หากครบ 60 วันแล้วพิจารณาเรื่องร้องเรียนไม่ทัน จะต้องปล่อยผีไปก่อนใช่หรือไม่เพื่อให้มีการจัดตั้งรัฐบาล นายอิทธิพร กล่าวว่า เราคงปล่อยแบบนั้นไม่ได้ เพราะว่าจะเป็นการละเลยหน้าที่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน และกระบวนการทำงานของเรา
เช่น ถ้ามีคำร้องแล้ว กกต.ไปพบเหตุ เรื่องต้องตั้งต้นจากคณะสืบสวน ไต่สวนของจังหวัดก่อน ถ้ามีพยานหลักฐานชัดเจน ผอ.กกต.จังหวัด สามารถเสนอความเห็นประกอบส่งมาที่ส่วนกลาง ซึ่งส่วนกลางจะพิจารณาว่า มีความเห็นอย่างไร ต่อความเห็นของ กกต.จังหวัดดังกล่าว ที่เสนอความเห็นมา จากนั้นสำนักงาน กกต.กลาง ก็เสนอความเห็นมาให้กกต.พิจารณาวินิจฉัย
ซึ่งหากเป็นเรื่องเร่งด่วนก็จะพิจารณาทันที แต่หากเห็นว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อนต้องสืบพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก็จะส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ กกต.เร่งหรือไม่เร่งดำเนินการ แต่ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับกระบวนการและพยานหลักฐานที่มีอยู่