กก.จริยธรรมวุฒิสภา เรียก ธานี ชี้แจง 12 ก.ย. พร้อมทำหนังสือถึงวัด ปมเงินบริจาค ส่วนกรณี ส.ว.ทำพิธียกน้ำชากับ ‘เจ๊นุช’ เป็นเรื่องส่วนตัว
5 ก.ย. 2565 – ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ ส.ว. ในฐานะโฆษกคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีมติประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งจะเป็นการพิจารณาเอกสาร และประชุมอีกครั้งในวันที่ 12 ก.ย. เวลา 14.30 น.
โดยได้เชิญให้ นายธานี อ่อนละเอียด ส.ว. มาให้ข้อมูล ซึ่งยังไม่มีหนังสือเชิญไป แต่คิดว่า นายธานี คงไม่ปฏิเสธมาชี้แจง ส่วน พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ ส.ว. ทางกรรมการฯ ยังไม่ได้เชิญมาให้ข้อมูล เพราะเบื้องต้นเชิญผู้ร้องและผู้ถูกร้อง แต่หากข้อมูลไม่เพียงพอ เราก็เชิญได้หมด และหากเจ้าตัวประสงค์จะชี้แจงก็มาได้
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ส่วนที่ก่อนหน้านี้กรรมการฯ ได้มีมติขอข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้านั้น ซึ่งจะได้เอกสารตอบกลับภายใน 7 วัน
ส่วนกรณี นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ มาให้ข้อมูลนั้น ทางกรรมการฯได้รับข้อมูลเพิ่มเติมอีก 16 ประเด็น แต่จะเป็นประเด็นใดบ้างนั้นขอเป็นความลับ ยืนยันว่ากรรมการฯจะทำงานหนักและดำเนินการตามกรอบฎหมาย และจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่า นายวัชระ ระบุว่าชาว จ.ราชบุรี ให้ข้อมูลเรื่องการยกน้ำชาของ ส.ว. ท่านหนึ่ง กับสุภาพสตรี นายสมชายกล่าวว่า เพิ่งทราบเรื่องจาก นายวัชระ แต่ไม่ทราบว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อใดและที่ไหน และเป็นความสัมพันธ์ส่วนตัว ต้องรอตรวจสอบเพิ่มเติม ทั้งนี้ นายวัชระ ร้องหลายข้อที่ผิดจริยธรรม ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการทำหน้าที่ ส.ว. ก็ถือว่าผิดจริยธรรม แต่เรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ถ้าใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปเอื้อต่อความสัมพันธ์ส่วนตัวก็ถือว่าผิด ส่วนเรื่องที่ นายวัชระ ระบุเกี่ยวกับเงินบริจาคให้วัดบางลี่เจริญธรรมนั้น ที่ประชุมมีมติให้ทำหนังสือสอบถามไปยังเจ้าอาวาสวัด ว่าเงินบริจาคดังกล่าวเกี่ยวกับงานอะไร และเป็นเงินของใคร
เมื่อถามว่าสรุปแล้ว ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บานแย้ม ทำงานให้กรรมาธิการกี่ชุด นายสมาชาย กล่าวว่า ทางสำนักเลขาธิการวุฒิสภา แจ้งว่า เป็นเลขานุการ 1 คณะ เป็นนักวิชาการ 1 คณะ และเป็นที่ปรึกษา 1 คณะ แต่ทุกอย่างดำเนินการตามมติของกรรมาธิการ ส่วนคุณสมบัติและการเข้าร่วมประชุมต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป โดยขณะนี้ให้ฝ่ายเลขาธิการวุฒิสภา ตรวจสอบต่อว่าได้มาปฏิบัติงานหรือไม่ และดูสถิติการเซ็นชื่อว่ามีกี่ครั้ง