เมื่อพูดถึงรางวัล “บัลลงดอร์” หรือ “ลูกโลกทองคำ” คอบอลต่างเข้าใจตรงกันว่านี่คือเครื่องการันตีสำหรับ “นักฟุตบอลที่เก่งสุดของโลก” ในแต่ละปีที่ถูกคัดสรรมาอย่างเข้มข้นสุด ๆ แล้ว
น่าเสียดายที่ปี 2020 งานประกาศรางวัลบัลลงดอร์ต้องถูกระงับไปเนื่องจากวิกฤติ โควิด-19 ทำให้ไม่มีใครได้เป็นเจ้าของถ้วยอันทรงเกียรตินี้ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งแยกตัวออกจากมาจาก ฟีฟ่า หมาด ๆ ก็ตาม
และในเมื่อสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มคลี่คลาย การป้องกันไวรัสระบาดของชาติยุโรปทำได้ค่อนข้างดี วัคซีนถูกแจกจ่ายไปยังผู้คนในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้เชื่อว่า บัลลงดอร์ น่าจะกลับมาประกาศอีกครั้ง โดยมีตัวเต็งอันดับหนึ่งชื่อว่า “เอ็นโกโล ก็องเต้” กลางรับระดับโลกของ เชลซี ที่เพิ่งเขย่าบัลลังก์ ยูฟา แชมเปียนส์ลีก ไปหมาด ๆ นั่นเอง
และอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ ก็องเต้ คู่ควรกับการเป็นนักเตะอันดับหนึ่งของโลก เรามาดูกัน !
1. ก็องเต้ ระเบิดฟอร์มสุดยอดได้หลัง ทูเคิล เป็นกุนซือ
FBL-ENG-PR-CHELSEA-NEWCASTLE | ADRIAN DENNIS/Getty Images
หากมองย้อนกลับไปในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล 2020-21 คอลูกหนังส่วนใหญ่คงไม่คิดถึงชื่อ ก็องเต้ แน่ ๆ หากถามว่าใครคู่ควรกับรางวัลบัลลงดอร์ เพราะตอนที่ เชลซี กำลังลุ่ม ๆ ดอน ๆ อยู่ภายใต้การนำของกุนซือ แฟรงค์ แลมพาร์ด เขาเพิ่งหายเจ็บกลับมา จึงทำให้ต้องเสียเวลาเคาะสนิมไปพักใหญ่
แต่หลังจากที่ โธมัส ทูเคิล เข้ามารับไม้ต่อในช่วงปลายเดือนมกราคม ดาวเตะชาวฝรั่งเศส ก็ฟิตสมบูรณ์ พร้อมทำงานภายใต้ปรัชญาของกุนซือคนใหม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ทันที
เมื่อได้เล่นฟุตบอลตามระบบที่เข้ากับตัว เมื่อได้เจอผู้จัดการทีมหลงใหลในตัวนักเตะมากเป็นพิเศษ ทำให้ ก็องเต้ ได้รับสิ่งที่ดีสุดตลอด 4 เดือนหลังสุด จนเป็นที่มาของฟอร์มระดับเทพเจ้าที่ทำให้ทั้งสนามแข่งตลอดทั้ง 90 นาที เหมือนอยู่ในกำมือของตัวเอง
เกมแล้วเกมเล่า ไม่ว่าจะเจอกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งโหดหินแค่ไหนก็ตาม ก็องเต้ จะใช้รูปแบบของตัวเอง วิ่งพล่านไปแย่งบอลคืน ไปช่วยประคองเพื่อน ไปก่อกวนทำลายเกมรุกฝ่ายตรงข้าม แถมยังเชื่อมบอลจากหลังไปหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ จนกลายเป็นคนที่ขาดไปไม่ได้เลยสักนัดอย่างแท้จริง
และเมื่อเราลองชายตาดูไปทั่วลีกใหญ่ของทวีปยุโรป รวมถึงลีกอื่น ๆ ทั่วโลกแล้ว ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครโดดเด่นได้เท่า ก็องเต้ อีกเลยนับตั้งแต่เข้าปี 2021 เป็นต้นมา
2. ก็องเต้ เป็นแมนออฟเดอะแมตช์ ทั้งรอบรองฯ & รอบชิงฯ UCL
FBL-EUR-C1-REAL MADRID-CHELSEA | JAVIER SORIANO/Getty Images
เมื่อมองย้อนกลับไปในงานประกาศรางวัลบัลลงดอร์ของปีก่อน ๆ คนที่คู่ควรกับรางวัลนี้ส่วนใหญ่จะโดดเด่นมาก ๆ ในทัวร์นาเมนต์สำคัญเช่น ยูฟา แชมเปียนส์ลีก & ฟุตบอลโลก รวมถึงฟุตบอลยูโร ซึ่ง ก็องเต้ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขายืนอยู่บนจุดสูงสุดที่ยากจะหาใครมาเปรียบเทียบในปีนี้
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับนักเตะที่มาจากทีม “ม้ามืด” แน่นอนว่า เชลซี คือม้ามืดสำหรับ UCL ฤดูกาลนี้ เพราะจนถึรอบ 16 ทีมสุดท้าย คงไม่มีใครเชื่อว่าพวกเขาจะก้าวขึ้นมาคว้าแชมป์ได้ในท้ายที่สุด แม้แต่ในความคิดของสาวกสิงห์บลูเองก็ตาม
และแน่นอนว่าเป็นเรื่องยากสุด ๆ เช่นกันสำหรับนักเตะจากทีมระดับม้ามืด จะระเบิดฟอร์มเทพแบกทั้งกองทัพจนคว้ารางวัลแมนออฟเดอะแมตช์ได้ใน 2 นัดสุดท้ายก่อนเถลิงบัลลังก์แชมป์ได้แบบนี้
ต่อให้เป็นคู่แข่งแย่งบัลลงดอร์คนสำคัญอย่าง เลวานดอฟสกี้ เองก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ด้วยซ้ำไป
3. ไม่มีใครเกลียด ก็องเต้ แม้แต่แฟนบอลทีมคู่อริ
Borussia Monchengladbach v Chelsea – Club Friendly | Soccrates Images/Getty Images
คอบอลส่วนใหญ่น่าจะทราบอยู่แล้วว่า ก็องเต้ เป็นนักฟุตบอลที่มีนิสัยใจคอดีมาก อ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนโยน ให้ความช่วยเหลือผู้อื่นตลอดเวลา แถมยังขี้อายสุด ๆ อีกด้วย
เมื่อไหร่ก็ตามที่มีภาพของ ก็องเต้ ยิ้มเขิน ๆ ถูกปล่อยออกมาตามหน้าสื่อ คอบอลต่างอมยิ้มตามไปด้วยทุกครั้ง เพราะมันช่างไร้เดียงสา และเห็นชัดเจนว่าผู้ชายคนนี้ขี้อายและไม่มีออร่าความเย่อหยิ่งแผ่ออกมาให้รู้สึกหมั่นไส้เลย
และทุกครั้งที่ ก็องเต้ กำลังแสดงออกว่าทุ่มเททำงานหนักสุด ๆ เพื่อความสำเร็จของทีม ผู้คนต่างก็พร้อมส่งแรงใจไปช่วยโดยไม่มีข้อแม้ เพียงเพราะอยากเห็นคนดี ๆ อย่างเขามีความสุข
ด้วยความที่ ก็องเต้ เป็นคนอย่างที่บอกมา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคอบอลถึงได้รักเขาขนาดนี้ ขนาดแฟนระดับเดนตายของทีมคู่อริก็ยังเกลียดไม่ลง จึงไม่แปลกเลยว่าใครต่อใครต่างก็อยากเห็นเขาคว้าบัลลงดอร์ปีนี้ แม้เขาจะถ่อมตัวว่าตัวเองยังไม่คู่ควรก็ตาม
4. ถูกยกย่องจากคนทั้งโลกว่าเป็นมิดฟิลด์ที่เก่งสุด
FBL-ENG-FA CUP-CHELSEA-LEICESTER | KIRSTY WIGGLESWORTH/Getty Images
เมื่อพูดถึงตำแหน่ง “มิดฟิลด์ตัวรับ” แน่นอนว่าโลกนี้ยังมีคนเก่ง ๆ อยู่บนระดับสูงสุดของโลกอีกพอสมควร ทั้งกาเซมิโร (เรอัล มาดริด), โยชัว คิมมิช (บาเยิร์น) รวมถึง ฟาบินโญ (ลิเวอร์พูล) ที่กำลังพิสูจน์เองอยู่เช่นกัน
แต่สำหรับ ก็องเต้ แม้เขาจะถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดกลางรับมานานหลายปีแล้ว แต่สำหรับครึ่งหลังของฤดูกาล 2020-21 ถือว่าโดดเด่นมากจนน่าเหลือเชื่อ ซึ่งผลงานการพา เชลซี คว้าแชมป์ UCL ก็ช่วยการันตีได้ส่วนหนึ่ง
และยิ่งเจาะลึกลงไปในรายละเอียดการเล่นแล้วก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า นี่แหละคือกลางรับอันดับหนึ่งของโลก ณ ปัจจุบันของจริง เพราะเขาเล่นได้พีคสุด ๆ ทั้งการทำลายเกมรับคู่ต่อสู้ตามตำแหน่งตัวเอง แถมยังมีส่วนร่วมกับเกมรุกของเพื่อนร่วมทีมสูงมากอีกด้วย
โดยสถิติจาก Opta ยืนยันว่า ก็องเต้ มีค่าเฉลี่ยการจ่ายบอลสำเร็จสูงถึง 85% ตลอดฤดูกาลที่เพิ่งจบไปของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แถมส่งบอลเข้าเป้ามากกว่า 50 ครั้งทุกแมตช์ที่ลงเล่นอีกด้วย ทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลาย ๆ ประตูที่ เชลซี ยิงได้ เกิดจากการขึ้นเกมของผู้ชายคนนี้ ซึ่งไม่มีใครดีเท่าอีกแล้วนับตั้งแตย่างเข้าปี 2021 เป็นต้นมา
5. มีโอกาสคว้าแชมป์ยูโร
France v Finland – International friendly match | Aurelien Meunier/Getty Images
คุยกันมาจนถึงตรงนี้แล้ว เชื่อว่าหลายคนเห็นด้วยว่า ก็องเต้ คู่ควรกับบัลลงดอร์ 2021 แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีอีกหลายที่ไม่เห็นด้วย เพราะอยากให้ ก็องเต้ พิสูจน์ตัวเองมากกว่านี้อีกหน่อย และปีนี้ยังเหลือเวลาให้คนอื่น ๆ เร่งทำผลงานอีกอย่างน้อย 6 เดือน
แน่นอนว่าเป้าหมายลำดับต่อไปที่ ก็องเต้ อยากทำให้ได้มากที่สุดไม่ใช่ บัลลงดอร์ ที่จะประกาศกันในช่วงเดือนธันวาคม แต่เป็นถ้วยแชมป์ยูโร 2020 กับทีมชาติฝรั่งเศสในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ต่างหาก
และมันก็เป็นเหมือนด่านสุดท้ายที่จะช่วยยืนยันว่าเหมาะจะคว้าบัลลงดอร์จริงหรือไม่ เพราะหาก ก็องเต้ ระเบิดฟอร์มเทพได้ตลอดทัวร์นาเมนท์จน ฝรั่งเศส คว้าแชมป์ยูโรขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็ ต่อให้อีก 6 เดือนที่เหลือมีใครโดดเด่นก็คงไม่มีทางแย่งตำแหน่ง “นักฟุตบอลที่เก่งสุดของโลก” ไปจากเขาได้แน่นอน