ประเด็น ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก หรือ เดอะซูเปอร์ลีก ยังคงเดินหน้าทำให้วงการฟุตบอลปั่นป่วนต่อเนื่องหลังจากทิ้งระเบิดลูกใหญ่จาก แถลงการณ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
12 สโมสรผู้ริเริ่มก่อตั้ง บวกกับอีก 3 ทีมที่ยังไม่เปิดชื่อได้รวมกันแยกตัวออกจากการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก จัดตั้งรายการโม่แข้งกันเอง
แม้จะยกเหตุผลเป็นกระบุงมาประกอบจากท่าทีของ ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสร เรอัล มาดริด และประธาน ซูเปอร์ลีก คนแรกทว่าเนื้อแท้ของรายการใหม่ถอดด้ามนี้หนีไม่พ้นการเพิ่มมูลค่าผลตอบแทนที่แต่ละสโมสรจะได้รับ
ด้วยรูปแบบการแข่งขันกลางสัปดาห์ เก็บคะแนนเหย้า-เหยือน และการมีสโมสรระดับท็อปเข้าร่วมจะทำให้มีโปรแกรมฟาดแข้งชนิดโคตรบิ๊กแมตช์ตลอดทุกสัปดาห์ ตารางการแข่งขันดังกล่าวเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดผู้ชมทั่วโลก และคนดูที่มากขึ้นก็ทำให้ทัวร์นาเมนต์ได้ผลตอบแทนจากเหล่านายทุนมากขึ้นตามไปด้วย
มองดูไอเดียอย่างผิวเผิน สโมสรได้รับผลประโยชน์ที่มากขึ้น แฟนบอลได้ดูบิ๊กแมตช์ทุกสัปดาห์ แต่เพราะเหตุใด ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก จึงถูกต่อต้านอย่างหนักหน่วงจากเหล่าแฟนพันธุ์แท้ คนฟุตบอลทั่ววงการ และบรรดาทีมเล็กทีมน้อยทั่วยุโรป?
ความฝันจากประวัติศาสตร์อันยาวนานดูด้อยค่า
FBL-EUR-UEFA-SUPER-LIVERPOOL | PAUL ELLIS/Getty Images
โครงสร้างฟุตบอลพีระมิดได้รับการจับวางเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ ฟุตบอลลีกภายในประเทศมักถูกแบ่งเป็นลำดับขั้นไล่เรียงตั้งแต่ระดับภูมิภาคไปจนถึงลีกอาชีพสูงสุด แข่งขันเก็บคะแนนในดิวิชันของตนเองโดยมีโควต้าเลื่อนชั้น-ตกชั้นเป็นบทสรุปเมื่อจบฤดูกาล
สโมสรที่เป็นเต้ยในประเทศจะได้รับการจัดสรรโควต้าจาก ยูฟ่า เพื่อตั๋วการแข่งขันระดับทวีปอย่าง ยูฟ่า ยูโรปาลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
แต่เมื่อสโมสรส่วนน้อยในลีกยัดตั๋วบอลยุโรปจาก ยูฟ่า ทิ้งลงถังขยะเมื่อมีที่นั่งสุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก ก็ทำให้โควต้าดังกล่าวที่ ยูฟ่า มอบให้แทบจะไร้ความหมายไปในทันที ไม่มีประโยชน์อื่นใดที่ทีมที่เหลือในลีกจะต้องดิ้นรนทำอันดับบนตารางคะแนนเพื่อการผ่านเข้าไปเล่นในรายการที่จัดโดย ยูฟ่า เมื่อบิ๊กทีมทั้งหลายได้จัดสรรผลประโยชน์ร่วมกันเป็นที่เรียบร้อย
นั่นเป็นเหตุผลที่ทั้ง ยูฟ่า และ พรีเมียร์ลีก ประกาศที่จะใช้ไม้แข็งขับพวกเขาจากการมีส่วนร่วมใน ยุโรป ในลีกภายในประเทศของตนเอง ไปจนถึงรายการที่ ฟีฟ่า เป็นผู้จัดอย่างศึก ฟุตบอลโลก อีกด้วย
ไม่มีประโยชน์อันใดที่ทีมเหล่านั้นจะดำรงอยู่เพื่อฟาดแข้งภายในประเทศเมื่ออันดับบนตารางคะแนนไม่ได้มีความหมายใดๆ สำหรับพวกเขา
ผลประโยชน์ทางธุรกิจ vs ความโรแมนติกแห่งโลกลูกหนังLeeds United v Liverpool – Premier League | Clive Brunskill/Getty Images
การดวลกันบนฟลอร์หญ้าระหว่างทีมบิ๊กเนมคือโปรแกรมการแข่งขันที่คอลูกหนังเฝ้ารอ สิ่งทีทำให้แมตช์การแข่งขันมีความพิเศษในตัวของมันเองคือการรอคอยให้แมตช์เหล่านั้นมาถึง
ใช่ เราอยากเห็น ลิเวอร์พูล ฟาดแข้งกับ เรอัล มาดริด แต่ – “ทำไมเราต้องสร้างระบบการแข่งขันที่ ลิเวอร์พูล พบกับ เรอัล มาดริด 10 ปีติดต่อกันด้วย ใครอยากจะดูแบบนั้นเป็นประจำในทุกๆ ปีกันเล่า” เยอร์เก้น คล็อปป์ ให้ทัศนะดังกล่าวไว้ก่อนเกมที่พวกเขาจะเสมอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในเกม พรีเมียร์ลีก คืนวันจันทร์
การแยกตัวของ 12+3 ทีมดังกล่าวยังเป็นการปิดประตูในการลืมตาอ้าปาก สร้างเซอร์ไพรส์ชนิดแจ็คผู้ฆ่ายักษ์อย่างที่ ลียง กับ แอร์เบ ไลป์ซิก ทะลุถึงรอบรองชนะเลิศใน แชมเปี้ยนส์ลีก 2019/20, อาแจ็กซ์ ในซีซัน 2018/19 กระทั่งเทพนิยายแชมป์ บิ๊กเอียร์ ของ ปอร์โต้ เมื่อฤดูกาล 2003/04 และความมหัศจรรย์อีกนับครั้งไม่ถ้วนตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในโลกลูกหนัง
ทั้งหมดนั้นจะไม่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลที่บรรดาทีมชั้นนำจะสามารถกอบโกยรายได้เข้ากระเป๋าอย่างสม่ำเสมอจาก ซูเปอร์ลีก
การถกเถียงในประเด็น ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก ยังคงเกิดขึ้นเป็นรายวันจนอาจะเรียกได้ว่าเป็นรายชั่วโมงก็ว่าได้ การประกาศแยกตัวของ 12+3 ทีมได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อวงการฟุตบอลเป็นวงกว้าง บรรดาเจ้าของเก้าอี้ในระดับผู้บริหารทั้งใน ฟีฟ่า ยูฟ่า ประธานสโมสรต่างๆ ไม่อาจอยู่เฉยจนต้องออกแถลงการณ์งัดคานกันเป็นระยะโดยยังไม่สามารถที่จะหาบทสรุปได้ในเร็ววันนอกจากรอคอยให้ฝุ่นหายตลบในประเด็นดังกล่าว เพื่อการหารือร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปสำหรับทุกฝ่าย