https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7062593

Home » https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7062593


https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7062593

ที่แท้เป็นเซียนพระ โผล่ขึ้นโรงพักยอมรับหัวร้อนคลิปว่อนเน็ต เด็กน้อยในรถร้องไห้จ้า ลั่นโดนยั่วยุก่อนเลยบันดาลโทสะ ไม่รู้มีเด็กมาด้วย ปัดขู่จะยิงแสกหน้า

จากกรณีโซเชียลแชร์คลิปเหตุการณ์ชายรูปท้วมใหญ่ สวมหมวกแก็ป สะพายกระเป๋าคาดอก สบถคำหยาบคายพร้อมใช้มือทุบกระจกรถคู่กรณีอีกรายที่จอดอยู่ด้านหลัง ก่อนเดินอ้อมหน้ารถไปกระชากประตูฝั่งคนขับ แต่ประตูรถล็อกไว้จึงเปิดไม่ออก

พร้อมขู่จะใช้อาวุธปืนยิงแสกหน้า ก่อนที่ภรรยาชายหัวร้อนจะพาขึ้นรถไปพร้อมต่อว่าคนขับรถคู่กรณีว่า ขับรถได้ทุเรศมาก โดยมีเสียงร้องเด็กร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจก่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่ชัดว่า ” เขาไปหรือยังพ่อ “

 

ล่าสุดเรื่องนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 21 พ.ค.2565 ที่สภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นายอดิศักดิ์ อายุ 41 ปี พนักงานราชการหน่วยงานแห่งหนึ่ง เข้าแจ้งความระบุเวลา 13.15 น. ขณะถอยรถกระบะโตโยต้าวีโว่ จอดซื้อสินค้าหน้าร้านงาม ขายเสื้อผ้า มีชายอายุประมาณ 50 ปี ขับรถยนต์มิตซูบิชิปาเจโร่บีบแตรใส่

จากนั้นเดินมาเคาะประตูฝั่งคนขับ ก่อนเดินอ้อมมาดึงประตูอีกฝั่งผู้โดยสารพยายามจะเปิดพร้อมพูดจาข่มขู่ว่า ” จะยิงแสกหน้า” แสดงท่ารูดชิปกระเป๋าสะพายเฉียง ทำให้ตนและลูกสาวอายุ 3 ปีเกิดความกลัว

ถอย

ต่อมาเวลา 18.30 น. นายกฤติย์ภัทร์ ชายหัวร้อนในคลิป เดินทางเข้าพบตำรวจ ให้การว่า ถูกรถกระบะของคู่กรณีถอยหลังด้วยความเร็วจนเกือบจะชนรถตัวเองทำให้ตกใจ จึงบีบแตรเตือนไปหลายครั้ง ก่อนจะลงจากรถไปต่อว่า แต่คู่กรณีกลับไม่ยอมขอโทษ ทำให้เกิดบันดาลโทสะทุบกระจกรถและพูดข่มขู่คู่กรณีไปตามที่คลิปปรากฎ ซึ่งในกระเป๋าไม่มีอาวุธปืนมีแต่เพียงกล่องใส่พระเท่านั้น เพราะมีอาชีพเป็นเซียนพระเปิดร้านอยู่แถวนั้น เมื่อเพื่อนส่งคลิปมาให้ดูจึงรีบแสดงความบริสุทธิ์ใจ และไม่ทราบว่ามีเด็กเล็กอยู่ในรถกระบะคู่กรณี ถ้ารู้มีเด็กคงไม่ใจร้อนกระทำพฤติกรรมแบบนั้นลงไป

ปรับ

เขายอมขอโทษก็คงไม่โมโหไปมีเรื่องกับเขา แต่กลับพูดจาโต้เถียงใส่อีก พูดสวนมาว่ามีอะไรลุง ทำให้โมโหมาก อยากถามเขาว่าทำไมจึงถอยรถด้วยความแรงขนาดนั้น ทั้งๆที่ในรถก็มีเด็กอยู่ ทำไมไม่ค่อยๆถอย เรื่องก็คงไม่เกิด ส่วนเรื่องที่คู่กรณีกล่าวหาว่าขับรถไปเฉี่ยวกับกระจกรถกระบะเขานั้น

ขอปฎิเสธในเรื่องนี้และจะขอแจ้งความเพื่อนำใบแจ้งความไปขอดูกล้องวงจรปิดนำมาเป็นหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ใจ อยากให้เขาเปิดคลิปเหตุการณ์ที่ถ่ายไว้ทั้งหมดตั้งแต่ต้น เพราะคลิปที่เห็นเขาตัดจุดเริ่มต้นของเรื่องออกไป ทำให้ตนตกเป็นผู้เสียหายเพียงฝ่ายเดียว

ไม่ยอม

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 2 ฝ่าย ทำให้ตกใจกลัว พร้อมเปรียบเทียบปรับเป็นเงินคนละ 500 บาทในเบื้องต้น เนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังตกเจรจาตกลงกันเรื่องรถเฉี่ยวชนไม่ได้ พนักงานสอบสวนจะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำการสอบสวนหาผู้กระทำผิดต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง

เรื่องอื่นที่น่าสนใจ