FootNote:แนวรบ เลือกตั้งซ่อม ภาคใต้ กับบทบาท ธรรมนัส พรหมเผ่า
การกลับมติของพรรคพลังประชารัฐที่หันมาให้ความสนใจต่อการส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม เขต 1 ชุมพร ภายหลังการลงมติไม่ส่งใน ชั่วเวลาเพียงไม่ทันข้ามวัน
หากทุกอย่างเป็นไปตามข่าวล่ามาเร็ว น่าจะเป็น ‘สัญญาณ’ อันส่งความหมายยิ่งในทางการเมือง
ไม่เพียงเพราะเกิดการติดขัดในการสื่อระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับคนใหญ่บางคนแห่งพรรคประชาธิปัตย์ในชุมพร หากแต่ยังเท่ากับเกิดการแปรเปลี่ยนในข้อตกลงในลักษณะลับ ลวง พราง
ความน่าสนใจเป็นอย่างมากก็คือ กระบวนการลับ ลวง พราง มิได้เกิดขึ้นจากภายในของพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น หากแต่ภายในของพรรคประชาธิปัตย์ ก็งัดขึ้นมาเป็นกลยุทธ์เหมือนกัน
จากพื้นฐานแห่งการไม่สมประโยชน์และความไว้วางใจกันใน ลักษณาการเช่นนี้จะกลายเป็นมูลเชื้อนำไปสู่การตัดสินใจใหม่ต่อกลยุทธ์การเลือกตั้งซ่อมทั้ง 2 พื้นที่ในภาคใต้
การส่ง นายสุชาติ ชมกลิ่น เข้าไปอาจไม่เพียงพอ จำเป็นที่จะต้องมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผนวกรวมอยู่ด้วย
เหตุที่พรรคพลังประชารัฐมีมติส่งเพียง เขต 6 สงขลา แต่ไม่ส่ง เขต 1 ชุมพร นั้นร่ำลือกันว่า เป็นการร้องขอจากภายในพรรคประชาธิปัตย์ ว่าที่ว่าจะย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐยังมิใช่ตอนนี้
ตอนนี้จึงจำเป็นต้องญาติดีกับกลุ่มกุมอำนาจในพรรคประชาธิปัตย์ก่อน หากแต่พ้นจากนี้เมื่อใดก็จะไปพรรคพลังประชารัฐ
การกลับมติอันเกิดขึ้นในพรรคพลังประชารัฐจึงมาจากปัจจัย 2 ส่วนประสานเข้าด้วยกัน หนึ่งคือความไม่ไว้วางใจต่อเส้นสายภายในพรรคประชาธิปัตย์ 1 การกดดันในพรรคพลังประชารัฐ
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะที่ไม่แน่นอน ที่จะเกิดขึ้นและดำรงอยู่ภายในกระบวนการเลือกตั้ง ‘ซ่อม’
สภาวะนี้เรียกร้องให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ต้องเข้าไป
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องภายในของพรรคพลังประชารัฐภายใต้การกำกับของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยตรง ไม่มีอะไรสัมพันธ์กับการรุก เข้ามาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่ว่าจะเป็นการมอบ นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นผู้อำนวยการ
หรือแม้กระทั่งการกลับมติต่อ เขต 1 ชุมพร หรือการผลักรุนให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้าไปมีบทบาทหนักแน่นขึ้น
ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเดียว คือชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐ