FootNote:สงคราม แย่งชิง ปริมาณ ส.ส.ภายใน พันธมิตรเดิม รัฐบาล
ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของ นายวีระกร คำประกอบ ไม่ว่าจะเป็น การเคลื่อนไหวของ นายสุชาติ ชมกลิ่น
สะท้อนความสัมพันธ์ 3 เส้าระหว่างพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างทาง พรรคภูมิใจไทย อย่างเด่นชัด
สะท้อนความสัมพันธ์และมีผลกระทบต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล อย่างเลี่ยงไม่พ้น
เนื่องจาก นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เคยอยู่พรรคพลังประชารัฐมาก่อน เคยทำงานใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจาก นายวีระกร คำประกอบ ก็มีบทบาทในพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจาก นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ
ภายในความสัมพันธ์เช่นนี้เอง การขยับของแต่ละคนจึงมีผลสะเทือนระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายอนุทิน ชาญวีรกูล
ถึงตั้งคำถามถึงความรู้สึกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล
ต่อการที่ล้วนเป็น “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรีด้วยกันทั้งสิ้น
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะตอกย้ำยืนยันในสัมพันธภาพที่มีต่อกัน ตั้งแต่ยังเป็นนายทหารชั้นผู้น้อยอยู่ในกองทัพภาคที่ 1
แม้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล จะเน้นในเรื่องความเคารพที่มีต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่พลันที่ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายอนุทิน ชาญวีรกูล ต่างดำรงอยู่ในสถานะแห่งความเป็น “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรี
ย่อมเป็นสถานะที่จะต้องแข่งชันระหว่างกันและกัน โดยมีพรรคการเมืองของตนเป็นเครื่องมือ และย่อมมีปฏิสัมพันธ์ที่ไม่อาจปิดบังความขัดแย้งแย่งชิงในทางการเมือง
ในเมื่อแยกออกจากพรรคพลังประชารัฐ ก็ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรง
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงจำนวน ส.ส. แย่งชิงคะแนนและความนิยม ต่างหากคือสภาพการณ์ที่เป็นจริง ที่จะกระพือความขัดแย้งให้มาก ด้วยความแหลมคม
เพราะจำนวน ส.ส.คือปัจจัยชี้ขาด “อนาคต” ทางการเมือง
หากพรรครวมไทยสร้างชาติได้ไม่ถึง 25 สถานะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเป็นอย่างไร
สมรภูมิเลือกตั้งจึงกลายเป็นสมรภูมิและความร้อนแรง