FootNote:ภาพงามจาก ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับมือของ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
ภาพการร่วมเดินทางระหว่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และ 2 ส.ก.จากพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่สำรวจ คลองลาดพร้าวที่ปรากฏ
เป็นภาพอันงดงามในทางการเมือง เป็นภาพที่สื่อทั้งใหม่และ เก่าขานรับและนำเสนอด้วยความหวัง
ไม่จำเป็นที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะพูดอะไรยืดยาว ไม่จำเป็นที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จะแจกแจงอธิบาย เพียงเห็น 2 คนร่วมตักขยะด้วยกัน เสียงชโยโห่ร้องก็ประสานดังกึกก้อง
ถามว่าเหตุปัจจัยอะไรการขานรับภาพที่ปรากฏร่วมเฟรมของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร และ 2 ส.ก.จากพรรคก้าวไกล จึงมากมายถึงเพียงนั้น
มากมายกระทั่งนำไปสู่ความคาดหมายในทางที่ดีว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อาจเชิญชวน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เข้ามาอยู่ในคณะบริหารตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง
ความคาดหมายนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นเจตนาดี หากแต่ยังตอกย้ำยืนยันให้เห็นว่า สังคมต้องการเห็นความปรองดองสมานฉันท์ในทางการเมืองเพื่อทำงานร่วมกัน
และความเชื่อมั่นว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะสามารถทำงานตามเป้าประสงค์นี้ได้อย่างทรงพลัง
จากภาพการปรากฏบนเฟรมเดียวกันระหว่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สามารถเป็นปรอทตรวจวัดอุณหภูมิทางสังคมได้เป็นอย่างดี
ไม่ว่ามองจากพรรค ไม่ว่ามองจากกลุ่มทางการเมือง ความรู้สึกลึกๆ เมื่อสัมผัสภาพนั่นแหละคือเงาสะท้อนในทางความคิด
หากเป็นเงาสะท้อนอันบ่งบอกความไม่เห็นด้วย และร้อนแรงในระดับทำให้กระบอกตาร้อนผ่าว นั่นก็เป็นมุมหนึ่ง หากเห็นว่าเป็นความงดงาม นั่นก็เป็นมุมหนึ่ง
กระนั้น กล่าวสำหรับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อยื่นมือแห่งไมตรีออกมาแล้ว ก็ต้องเริ่มทำงาน ทำงาน ทำงาน กล่าวสำหรับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ก็ต้องติดตามกรุงเทพฯที่เท่าเทียมต่อไป
เพราะในที่สุดแล้วมือที่ยื่นเข้าหากันคือมือของคนทำงาน
ความตรึงตราในความรู้สึกเมื่อมองเห็นความรักความเคารพ ระหว่าง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นความรู้สึกที่ควรดำรงคงอยู่
ขณะที่หากกระบอกตาร้อนผ่าวก็จำเป็นต้องมีความสังวร
เมื่อผ่านการต่อสู้ในระหว่างรณรงค์หาเสียง หากการตัดสินใจของประชาชนเป็นอย่างไรก็ต้องยอมรับ
ยอมรับในคะแนน ยอมรับใน “มติ” ของเสียงส่วนใหญ่