FootNote:ปฏิบัติการ โดดเดี่ยว ก้าวไกล ผนึกพลัง สร้างแต้มต่อ ไปต่อ
การรุกอย่างต่อเนื่องของพรรคก้าวไกลไม่ว่าจะเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ว่าจะเป็น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ไม่ว่าจะเป็น นายพริษฐ์ วัชรสินธุ
เมื่อได้รับการหนุนเสริมจาก “ผู้ช่วยหาเสียง” ระดับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช
รูปเงาแห่งการเคลื่อนไหวก็ปรากฏขึ้นจนกลายเป็น “กระแส”
เป็นกระแสอันมีพื้นฐานมาจากความนิยมเดิมของพรรคอนาคตใหม่ เป็นกระแสอันมีการเชื่อมต่อจากบทบาทของ “คณะก้าวหน้า” และดำเนินไปในลักษณะรวมศูนย์อยู่กับพรรคก้าวไกล
ไม่เพียงแต่คะแนนและความนิยมของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จะได้รับการเฝ้ามองหากแต่ ประเมินผ่านองค์ประกอบอื่นก็สัมผัสได้
สัมผัสได้จาก “บิ๊กดีเบต”ทางภาคเหนือ ไม่ว่าจะเป็นที่เชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นที่พะเยา ผลโหวตอย่างฉับพลันอันดับ 1 ล้วนถูกพรรคก้าวไกลยึดครอง
แม้กระทั่งเมื่อ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ไปร่วม “บิ๊กดีเบต” ในพื้นที่บุรีรัมย์ของพรรคภูมิใจไทยคะแนนก็มาอันดับ 1
จึงก่อให้เกิดการขยับตัวอย่างเป็นระบบตามมา
ด่านแรกสุดย่อมเป็นปฏิบัติการ IO ทางด้านการข่าวที่ไม่เพียงแต่จะดึงคำปราศรัยของ สมเด็จฯฮุนเซน แห่งกัมพูชามาปูพื้น หากในที่สุดปลายหอกก็พุ่งใส่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ด่านต่อมาก็คือการขยับอย่างมีจังหวะก้าวของพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ และแม้กระทั่งพรรคไทยภักดี
เห็นได้จากการเดินสายปราศรัยอย่างคมเข้ม ร้อนแรงจาก นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ไม่ว่าที่ใต้สะพานพระราม 6 ไม่ว่าที่หน้าอนุสาวรีย์บางระจัน สิงห์บุรี
เห็นได้จากการเลือกภูมิทัศน์ระหว่างวัดพระศรีรัตนศาสดารามกับสนามหลวงของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ชี้ให้เห็นผลเสียของนโยบายปลดล็อกท้องถิ่น กระจายอำนาจ
และที่สุดพรรครวมไทยสร้างชาติก็เปิดเวทีให้ นายพีระพันธุ์
สาลีรัฐวิภาค ประกาศไล่ “คนเห็นต่าง”ออกนอกประเทศ
ทั้งหมดนี้คือการเปิดและสร้าง “แนว” ในทางการเมืองอันสะท้อน การผนึกความคิดเชิงอนุรักษนิยม ระหว่างพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยภักดี
พรรคก้าวไกลเป็นเป้าหลัก แต่สะเทือนถึงพรรคเพื่อไทย แยกพรรคเพื่อไทยให้ออกต่างหากจากพรรคก้าวไกล เรื่องยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร ไม่ว่าในเรื่อง กระจายอำนาจ
ยึดมั่นอยู่กับพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์อย่างมั่นคง