FootNote:จับตาบทบาท ชลน่าน เพื่อไทย การปรับภายในของ “ครอบครัว”
ตราบใดที่บทบาท “นำ” ในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ยังอยู่ในการกำกับทั้งของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว และ นายสุทิน คลังแสง ก็พอจะเป็นหลักประกันในทางการเมือง
เมื่อประสานเข้ากับจังหวะก้าวไม่ว่าจะจาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายรังสิมันต์ โรม ก็เป็นอันวางใจได้
ความหมายในทางการเมืองก็คือ การจับมือระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล อันถือว่าสดมภ์หลักภายในพรรคร่วมฝ่ายค้านยังดำเนินไปด้วยความราบรื่น
ขณะเดียวกันยิ่งบทบาทของ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ลดระดับลง เมื่อเปรียบกับในห้วงก่อนร่างพรบ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณมากเพียงใด ยิ่งสร้างความมั่นใจ
อย่างน้อยความพยายามที่จะสร้างปรากฏการณ์จับมือกับบางส่วนของพรรคพลังประชารัฐ หรือแม้กระทั่งกับพรรคเศรษฐกิจไทย ก็ยืนยันถึงความล้มเหลวในทางการเมือง
ไม่เพียงแต่เป็นกระบวนท่า “ดีล” ที่สะเปะสะปะและ ไปร่วมในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบรรดาส.ส.พรรคเล็ก ในการต่อรองมากกว่าที่จะเป็นผลสะเทือนอย่างแท้จริงอย่างที่คุยโวโอ้อวด
จังหวะก้าวใหม่อันเห็นจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว และนายสุทิน คลังแสง จึงทวีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ต้องยอมรับว่าภายในของพรรคเพื่อไทยได้มีการปรับตัวและเสนอปรากฏการณ์ใหม่ทางการเมืองอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อมองผ่านบทบาทของ “ครอบครัวเพื่อไทย”
แน่นอน จุดเด่นเป็นอย่างมากคือพื้นที่ในการนำเสนอและสร้างพื้นฐานให้กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
ขณะเดียวกันการมอบและขยายบทบาทให้กับ นายจาตุรนต์ ฉายแสง มากยิ่งขึ้น และในที่สุดก็ถึงรอบของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นี่ย่อมเป็นแนวโน้มและมิติที่ดี
ประการ 1 คือเครื่องชี้ให้เห็นถึงความสามารถในการยืดหยุ่น และพลิกแพลงทางการเมือง ประการ 1 คือเครื่องชี้ให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยยังมี “กระบวนท่า” อันน่าตื่นตาตื่นใจตามมาอีกมาก
ที่สำคัญก็คือพันธมิตรในแนวร่วมกับ “พรรคก้าวไกล”
การมอบบทบาทให้กับ นายจาตุรนต์ ฉายแสง มากยิ่งขึ้น การดึงนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เข้ามาจะทำให้การประสานเข้ากับ “คนเสื้อแดง” สอดรับกับสภาพความเป็นจริงไปด้วย
เนื่องจาก นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คือ “คนเสื้อแดง” ระดับเอ้
ทั้งยังเป็น “คนเสื้อแดง” ที่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับคนรุ่นใหม่ และสื่อด้วยภาษาที่ใกล้เคียงกับพรรคก้าวไกล
การปรับตัวอย่างพลิกแพลงของพรรคเพื่อไทยจึงน่าติดตาม