FootNote:“3 ป.” ในวิถี “ลับ ลวง พราง” เป้าหมายไปต่อของ ประยุทธ์
หากมองผ่านการปรากฏขึ้นของพรรครวมแผ่นดิน ประสานเข้ากับการปรากฏขึ้นของพรรครวมไทยสร้างชาติ
ก็จะสัมผัสได้ในจังหวะก้าวแห่ง “ลับ ลวง พราง” เด่นชัด
เหมือนกับว่า พรรครวมแผ่นดิน จะเป็นการแยกย่อยของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสร้างอีกทางเลือกหนึ่งโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
เนื่องจาก พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ก็เคยเป็นประธานยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ให้ความวางใจ
เหมือนกับว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นก้าวหนึ่งซึ่งแยกย่อยออกมาจากพรรคพลังประชารัฐ โดยดึงพลังจากบางส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำกปปส.เข้ามา
เนื่องจาก นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เคยเป็นคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และเมื่อออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ภารกิจของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จึงสัมพันธ์กับเป้าใน ทางการเมืองเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ไปต่อ”
ทุกอย่างดำรงจุดมุ่งหมายแห่ง “แยกกันเดิน รวมกันตี” เด่นชัด
คำถามที่เกิดขึ้นก็คือ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเลือกเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคใด
นั่นก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพและความมั่นใจว่า พรรคใดมีโอกาสจะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งมากกว่า
คำว่ามากกว่าในที่นี้มิได้หมายถึงว่า พรรคการเมืองนั้นจะได้รับเลือกเข้ามา 25 เสียง ประการเดียว หากประการสำคัญเป็นอย่างมากก็คือการดำรงอยู่ในฐานะ “แกนหลัก”
เป็นแกนหลักเหมือนกับที่พรรคพลังประชารัฐ เคยทำในการดึงพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคเล็กๆเข้ามาเมื่อเดือนมิถุนายน 2562
ประสานเสียงร่วมกับ 250 ส.ว.เพื่อขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี “ต่อ” อีกคำรบหนึ่ง
ภารกิจในทางการเมืองเมื่อมองผ่านบทบาทของพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมแผ่นดิน พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็จะสัมผัสได้ในความรอบคอบและรัดกุม มิได้วางจุดหนักไว้ที่พรรคพลังประชารัฐเพียงพรรคเดียว
หากแต่ดำเนินอย่างเป็นการแตกแบงก์พัน แล้วค่อยมาผนึกตัวรวมพลังอีกครั้งภายหลังการเลือกตั้ง
เป้าหมายเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ “ไปต่อ”