ในเมื่อ “ตัวละคร” ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างต่อเนื่องและหนัก หน่วงเป็นลำดับ 1 เป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า 1 เป็น นายพิเชษฐ สถิรชวาล อันแนบแน่นอยู่กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
การออกโรงของพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะเป็น นายยุทธพงศ์ จรัส เสถียร ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว จึงดำรงอยู่อย่างเป็นรอง
สรุปตาม 36 กลยุทธ์ของจีนก็คือ ยุทธการ “ผลักเรือตามน้ำ”
ภายในพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงจัดแบ่งบทบาทออกมาอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะมองผ่านพรรคเพื่อไทยโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ไม่ว่าจะมองผ่านพรรคก้าวไกลโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
การมอบหมายให้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร เป็นมือประสานสมานเข้าไปยังพรรคการเมืองขนาดเล็ก หรือแม้กระทั่งพรรคเศรษฐกิจไทยจึงเด่นชัด
ขณะที่พรรคก้าวไกลยังคงเคลื่อนไหวไปตามความถนัดผ่าน กระบวนการขุดคุ้ยเปิดโปงจุดอ่อนและความบพร่องของ พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างต่อเนื่อง
เตรียมพร้อมเข้าสู่สนามชำแหละ”งบประมาณ” เตรียมพร้อมเข้าสู่ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ
จากนี้จึงเห็นได้ว่าเหตุใด นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว จึงแอ็คทีฟเป็นอย่างสูง ยิ่ง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง และ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ได้รับมอบหมายจากพรรคยิ่งมากด้วย”กัมมันตะ”
รวมทั้งการต่อสายไปยังมหานครดูไบและให้เวลา นายพิเชษฐ สถิรชวาล รื้อฟื้นอดีตและความทรงจำอย่างเต็มเปี่ยม
ผลก็คือ มีการหารือกันอย่างเคร่งเครียดระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ด้วยความเคร่งเครียดหลังประชุมครม.
จากนั้นจึงปรากฏเป็นคำสั่งเรียกต้อง นายพิเชษฐ สถิรชวาล ให้ไปชี้แจงต่อคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ
ไม่ว่าท่าทีจาก”ทำเนียบรัฐบาล” ไม่ว่าท่าทีจาก”พรรคพลังประชารัฐ” ที่กระทำต่อบทบาทและการเคลื่อนไหวของ นายพิเชษฐ สถิรชวาล เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ครบถ้วน
แม้กระทั่ง นายพิเชษฐ สถิรชวาล ก็ตระหนักรู้ตั้งแต่ต้น
มติใดอันกระทำต่อ นายพิเชษฐ สถิรชวาล ล้วนดำเนินไปตามกระสวนแห่ง”ยืมหอกสนองคืน”ครบถ้วนเพียงแต่เป็นการสนองคืนไปยังใครเท่านั้น
เปิดโปงและสร้างแผลให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา