FootNote เมื่อจุดอ่อน กลายเป็น จุดแข็ง รากฐาน กระแส ของ“ก้าวไกล”
กระแสและความนิยมที่ทะยานสูงขึ้นเป็นลำดับ ไม่ว่าจะมองจาก ด้านของพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะมองจากด้านของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีหลายองค์ประกอบเป็นปัจจัย
เด่นชัดหนึ่งก็คือ บทบาทของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล นส.พรรณิการ์ วานิช
เป็นการเชื่อมระหว่าง”อนาคตใหม่”กับ”ก้าวไกล”
เด่นชัดหนึ่งก็คือ บทบาทของพรรคก้าวไกลในห้วงที่ทำงานในฐานะฝ่ายค้านตลอด 3 ปีบนเวทีแห่งรัฐสภา มีความโดดเด่นบ่มสร้างความเชื่อมั่นเป็นอย่างสูง
เป็นความโดดเด่นเหนือกว่าทุกพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นในด้านของฝ่ายค้าน จากการนำ เสนอวิธีวิทยาใหม่ในทางการเมือง
เป็นความโดดเด่นจากความกล้าหาญ แน่วแน่และมั่นคงใน แนวทางพรรคก้าวไกลสืบทอดและพัฒนามาจากความมุ่งมั่นในแบบของพรรคอนาคตใหม่
ยิ่งกว่านั้นในห้วงแห่งการเคลื่อนไหวก่อนการเลือกตั้งพรรคก้าวไกลยังสร้างความชัดเจนในทางการเมืองอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเฉพาะคำประกาศ”มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง”
หากมองจากความจัดเจนเดิมที่ดำรงอยู่อย่างเป็นกระแสหลักในทางการเมือง ก็ต้องยอมรับว่าท่วงทำนองในแบบพรรคก้าวไกลคือความอ่อนหัด ไร้เดียงสา
อ่อนหัดเมื่อเทียบกับนักการเมืองเขี้ยวลากดินอันดำรงอยู่เป็นกระแสหลักภายในระบบรัฐสภาไทย
สะท้อนท่วงทำนอง”อยู่ไม่เป็น”ในท่ามกลางการ”อยู่เป็น”
แต่เมื่อสถานการณ์ในทางการเมืองต้องการความชัดเจนที่เห็นว่าเป็นจุดอ่อนกลับกลายเป็นจุดแข็ง เมื่อเทียบกับท่วงทำนอง ในแบบ”เขี้ยวลากดิน”จากพรรคการเมืองอื่น
ภาพของนักการเมืองจากพรรคก้าวไกล ภาพของหัวหน้าพรรคในแบบของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงเป็นความต่างอย่าง แจ้งชัดและกลายเป็นจุดเด่นเมื่อมีการเปรียบเทียบ
เปรียบเทียบกับความลังเล กลับไปกลับมาที่เห็นเป็นอยู่
ลักษณะในแบบพรรคก้าวไกล ลักษณะที่แสดงผ่านบทบาทและการเคลื่อนไหวของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จึงกลายเป็นจุดเทียบ เปรียบอันแหลมคมและทรงความหมาย
แปรจากตั้งรับเป็นรุก แปรจากที่เห็นเป็นจุดอ่อนเป็นจุดแข็ง
ท่วงทำนองในแบบพรรค้าวไกลจึงกลายเป็นท่วงทำนองที่เข้าตา ความสามารถของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็มีความโดดเด่นและได้รับการยอมรับลึกซึ้งและกว้างขวาง
จากที่เป็นรองก็ขึ้นำหน้าและอยู่ในฐานะเป็น”ความหวัง”ขึ้น