FootNote เอกภาพ หมัดตรง ภูมิใจไทย สัญญาณ แนวโน้ม “ยุบสภา”
ในที่สุด ปฏิบัติการลาออกจาก “สมาชิกภาพ” แห่งส.ส.อันเริ่มโดยคนในเครือข่ายของพรรคภูมิใจไทย จะส่งผลสะเทือนก่อให้เกิดการพลิกเปลี่ยนในทางการเมืองที่ปรากฏนับแต่วันที่ 14 ธันวาคม
อาจเพื่อสนองต่อเป้าหมายในวันที่ 16 ธันวาคม ตามแผนของ “ครูใหญ่” ยังเสมอเป็นเพียงจำนวน 30 กว่า ส.ส.ซึ่งจำนวนไม่มากนัก
หากมองตามทฤษฎีที่แยกระหว่าง “การบ้าน” กับ “การเมือง” ในแบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้คำนิยามและดำรงอยู่ในลักษณะ “ลอยตัว”
ในเมื่อการบ้านเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องของรัฐบาลเป็นเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา การเมืองก็ย่อมเป็นเรื่องของพรรคการเมืองและนักการเมือง
ณ วันนี้ การเมืองในความรับผิดชอบของพรรคร่วมรัฐบาลยังอยู่ในความรับผิดชอบของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
ทำให้นายกรัฐมนตรีอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถลอยตัวไปทำหล่อได้ที่ประเทศเบลเยี่ยม
กระนั้น หากจำนวนของ ส.ส.รัฐบาลลดลงอันตรายก็จะมาถามว่าพลานุภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อพรรคพลังประชารัฐ ต่อพรรคภูมิใจไทย ต่อพรรคประชาธิปัตย์ ยังดำรงคงอยู่เหมือนเดิมหรือไม่
ความหมายก็คือ เหมือนกับเมื่อตอนมีการขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนมิถุนายน 2562
แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะแสดงความมั่นใจทั้งก่อนและหลังเข้าร่วมประชุมที่เบลเยี่ยมว่าน่าจะเหมือนเดิม แต่หากจับอากัปกิริยาในทางการเมืองก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเช่นนั้น
ไม่ว่าจะมองความคึกคักของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่กาฬสินธุ์ ไม่ว่าจะมองความคึกคักในพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะมองความไม่แน่นอนของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในประชาธิปัตย์
เนื่องจากทุกคนล้วนรู้ว่าเป้าหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือพรรครวมไทยสร้างชาติ อันเป็นการเมืองอย่างเด่นชัด
พรรคภูมิใจไทยอาจมีเป้าหมายเฉพาะหน้าในการกำหนดแนวทางการลาออกเพื่อสำแดงเอกภาพที่มีอยู่ภายใต้ปฏิบัติการเพื่อกำหนดสถานะความเป็น “พรรคหลัก” ในทางการเมือง
กระนั้น ที่ต้องยอมรับว่าว่า “เอกภาพ” นี้หมายถึง “พลัง”
และพลังในลักษณะเช่นนี้ก็เหมือนกับอาวุธสามารถแปรเป็น เครื่องมือในทางการรบในทางการเมืองได้อย่างเอนกประสงค์
เท่ากับเป็นสัญญาณ “เตือน” แนวโน้มที่จะนำไปสู่ “ยุบสภา”