FootNote เงาสะท้อน สูตรเลือกตั้ง การเมือง บนพื้นฐาน การสืบทอด “อำนาจ”

ถามว่าความโกลาหลอันเนื่องจากญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 19 ถึงวันที่ 23 กรกฎาคม เกิดจากปัจจัยอะไรในทางการเมือง

เกิดจากกระบวนการอภิปรายของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคพลังปวงชนไทย กระนั้นหรือ โดยขนบและวิถีดำเนินทางการเมืองปรกติคำตอบน่าจะเป็น เช่นนั้น

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รู้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รู้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อันผนึกรวมเป็น “กลุ่ม 3 ป.” รู้แน่แก่ใจว่ามาจากปัจจัยอะไรในทางการเมือง

จากกรณีที่มี ส.ส.จำนวนหนึ่งลงมติไม่ไว้วางใจและงดออกเสียงต่อรัฐมนตรีอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อย่าง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และอย่าง นายสุชาติ ชมกลิ่น นั้นมาอย่างไร

ที่กลายเป็นแรงสะเทือนอย่างสูงดำรงอยู่อย่างเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ในขณะนี้มิได้มาจากฝ่ายค้าน หากแต่มาจากพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน นั่นก็คือ มาจากพรรคพลังประชารัฐ มาจากพรรคประชาธิปัตย์ และมาจากพรรคชาติไทยพัฒนา แม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหว “แจกกล้วย” กันอย่างครึกโครม

รูปธรรมหนึ่งอันดำเนินเรียงเคียงมากับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจก็คือ อาการกลับไปกลับมาของร่างพรป.ว่า ด้วยการเลือกตั้ง

แม้ว่าโดยพื้นฐานอันผ่านความเห็นชอบเมื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐ ธรรมนูญคือสูตร 100 หาร กระนั้น เมื่อเข้าสู่การพิจารณาวาระสองที่ประชุมรัฐสภาก็กลับมติไปเห็นชอบด้วยกับกรรมาธิการเสียงข้างน้อยแก้ไขจากสูตร 100 หาร เป็นสูตร 500 หาร

แต่แล้วก็เกิดการเคลื่อนไหวจากด้านของรัฐบาลต้องการให้มีการหวนกลับไปยังสูตร 100 หารอีกครั้งหนึ่งแม้จะรู้อยู่เป็นอย่างดี ว่าความโกลาหลนี้ล้วนมีจุดเริ่มจากสูตร 100 หารเมื่อปี 2562

จึงไม่เพียงแต่การลงมติในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปจะฟ้องให้เห็นถึงความเละเทะไม่เป็นเอกภาพ หากแม้กระทั่งสูตรการเลือก ตั้งก็กลับไปกลับมาเหมือนเด็กเล่นขายของ

เนื่องจากเจตจำนงวางอยู่กับความต้องการสืบทอดอำนาจ จึงพร้อมที่จะทำอะไรก็ได้เพียงเพื่อให้ตนเองได้เปรียบและดำ รงจุดมุ่งหมายสืบทอดอำนาจเพื่อ “ไปต่อ” ให้จงได้ โดยไม่คำนึงถึง “หลักเกณฑ์” กฎกติกามารยาทใด ๆ ทั้งสิ้น