ภาพของประชาชนที่เข้าร่วมในยุทธการ”ตีหนู ไล่งูเห่า”ไม่ว่าจะเป็นที่อุมพรพิสัย ไม่ว่าจะเป็นที่ราศีไศล ไม่ว่าจะเป็นที่ขุนหาญ เด่นชัดว่าคือพลานุภาพทางการเมือง
ไม่ว่าจะมองผ่านพลังของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ส่งผ่านมายัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
ไม่ว่าจะมองผ่านการบริหารจัดการโดยพรรคเพื่อไทยในมือ ของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวง ทอง เลขาธิการพรรค
ไม่ว่าจะมองผ่านการเปิดตัวและทำงานนัดแรกของ นายณัฐ วุฒิ ไสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย
แต่เมื่อหยั่งลึกลงไปภายในรายละเอียดก็จะเข้าใจในกระบวนการทำงานของคณะทำงานพรรคเพื่อไทย ครอบครัวเพื่อ ไทยในพื้นที่โดยเฉพาะ นายเกรียง กัลป์ตินันท์
การระดมคน”เรือนหมื่น”อย่างมีการตระเตรียมอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ตั้งแต่เสื้อแดงประทับโลโก”ครอบครัว”เพื่อไทย
พร้อมด้วยสถานที่ทั้ง 3 จุดอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน คือ ฝีมือ
เมื่อประสบกับคำปราศรัยอันร้อนแรงจาก นส.แพทองธาร ชินวัตร นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ จึงเท่ากับขนมพอสมกับน้ำยา
กระหึ่มแห่งเสียงกู่ร้องอย่างพร้อมเพรียงกันของประชาชนเรือนหมื่นเท่ากับเป็นการเปล่งพลานุภาพอย่างแน่นอน เป็นพลานุภาพ อันเท่ากับเป็นการฟื้นคืนการชุมนุม”เสื้อแดง”สพรึบ
เหมือนกับเป็นการเปล่งเสียงไปยัง”ไล่หนู ตีงูเห่า”ทั้งๆที่เป้า หมายมุ่งไกลยิ่งกว่านั้น
นี่จึงเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา โดยมี”ไล่หนู ตีงูเห่า”เป็นตัวแทน
ด้านหนึ่ง บ่งบอกว่าพรรคเพื่อไทยเอาจริงโดยมีของจริงอยู่ใน มือ ด้านหนึ่ง เท่ากับเป็นการเป่าฤทธานุภาพอย่างประจักษ์เป็นรูป
ธรรมว่าทิศทางการเมืองนับจากนี้จะดำเนินไปอย่างไร
ไม่ว่าการเลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไปจะกำหนดขึ้นเมื่อใด แต่
พรรคเพื่อไทยตั้งเป้า”แลนด์สไลด์”เพื่อกำหนด”เกมใหม่”แน่นอน
การดึง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ มายืนเรียงเคียงกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และสะท้อนผ่านการเคลื่อนไหวใหญ่”ไล่หนู ตีงูเห่า”จึงเท่า กับย้อนคืนยอดคำเท่เมื่อปี 2551 “มันจบแล้วนาย”ให้หวนกลับ
เพียงแต่เป็นการหวนในลักษณะสวนแทงไปยังฐานเดิม
เมื่อประสานกับลักษณะการเกาะเกี่ยวอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
เชื่อได้เลยว่าความร้อนแรงจะเพิ่มทวีจนถึงระดับไฟลุก