FootNote สถานะ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้กระแสต้าน “ชังชาติ”
เหตุปัจจัยอะไรทำให้การเปิดช่องทางให้ “ต่างด้าว” ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินบนข้อแลกเปลี่ยนเงินลงทุน 40 ล้านบาทต่อที่ดิน 1 ไร่ทำให้รัฐบาลกลายเป็น “ตำบลกระสุนตก”
แม้กระทั่ง ดาวตลกรุ่นเก๋า เทพ โพธิ์งาม ซึ่งเคยเป็นกองเชียร์มาอย่างต่อเนื่องต้องเปลี่ยนเสียง ทั้งนี้ แทบไม่ต้องอ้างถึงตัวแทนมวลชนอย่าง ลีน่า จัง
จุดอ่อนโดยพื้นฐานมาจากความละเอียดอ่อนในเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่ดิน สัมพันธ์กับการพิทักษ์ผืนแผ่นดินอันเป็นของโคตรเง่าแห่งความเป็นชาติ
เมื่อประสานกับคนที่ผลักดันให้ผ่อนคลายเรื่องนี้เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นทหารและแนบแน่นอยู่กับคำประกาศ ที่จะรักษา “ผืนแผ่นดิน” แม้ต้องพลีด้วยชีวิต
การเปล่งคำขวัญ “ขายชาติ” ต่อ “กฎหมายขายชาติ” ต่อมาตรการ “ขายชาติ” จึงเท่ากับเป็นการย้ำเตือนสำนึกและจิตวิญญาณโดยพื้นฐานที่เคยมีอยู่ในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จึงสามารถ “จุดติด” และกลายเป็นสำนึก “ร่วม” ในทางสังคมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และแพร่กระจายออกไปเหมือนไฟลามทุ่ง เพียงแต่ลามทุ่งไหม้โดยรอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ถามว่าการป้ายสีผ่านยอดคำเท่ “ชังชาติ” เกิดขึ้นในบรรยากาศอย่างไร ไม่ว่าจะมาจากปฏิบัติการ “ไอโอ” ด้านการข่าว ไม่ว่าจะมาจากบางพรรคบางนักการเมือง
ตอบได้เลยว่าเป็นบรรยากาศในห้วงก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 และหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
นั่นก็คือ มาพร้อมกับการเติบใหญ่ทางการทหารและทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
คนที่แสดงตนเป็น “คนรักชาติ” ระดับเอ้ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าในฐานะผบ.ทบ. ไม่ว่าในฐานะนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
เมื่อสังคมประสบเข้ากับมาตรการปล่อยที่ดินให้อยู่ในความยึดครองของ “ต่างชาติ” ได้อย่างง่ายดายจึงกลายเป็น “กระแส”
คำว่า “กระแส” ในที่นี้ไม่เพียงแต่มองเห็นภาพและตัวตน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อย่างเด่นชัดเท่านั้น หากแต่ยังเห็นลักษณะหน้าไหว้หลังหลอกที่ดำรงอยู่อย่างชนิดแจ้งจางปาง
ไม่ว่ามองผ่าน “พันธมิตร” ไม่ว่ามองผ่าน “กปปส.” ทั้งยังเท่ากับเป็นการประจานให้เห็นถึงความผิดพลาดและล้มเหลวในการบริหารทางเศรษฐกิจนับแต่รัฐประหารเป็นต้นมา โฉมหน้าของ “คนขายชาติ” จึงมากด้วยความละเอียดอ่อนยิ่ง