หลังจากกรณีอื้อฉาวอันเนื่องแต่ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ พรรคประ ชาธิปัตย์ ก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันแหลมคมยิ่งในทางการเมืองเนื่องแต่ปัญหาและความขัดแย้ง”ภายใน”
เป็นความจริงที่กรณี นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ก่อให้เกิดคำถามตามมามากมายถึงจริยธรรมสำนึกในทางการเมือง
คำถามนี้แวดล้อมอยู่โดยรอบ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์
คล้ายกับการตั้งข้อสงสัยจะเริ่มจากที่พฤติการณ์ของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ดำเนินไปในลักษณะที่จะผลักดันและให้ความ หมายทางการเมืองต่อ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อย่างเป็นพิเศษ
จึงก่อให้เกิดปฏิกิริยาตามมาไม่ว่าจะจาก นายวิทยา แก้วภรา ดัย ไม่ว่าจะจาก นายกนก วงษ์ตระหง่าน ไม่ว่าจะจาก น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์
กระนั้น ก็ต้องยอมรับว่าการเขียนและโพสต์บางข้อความอันมาจาก นางมัลลิกา บุญมีตระกูล คงสุข ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งซึ่งมากด้วยความแหลมคมยิ่งในทางการเมือง หากไม่แหลมก็คงไม่มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบ
ต้องยอมรับว่า ข้อความอันมาจากการเขียนและโพสต์ของ นางมัลลิ กา บุญมีตระกูล คงสุข สัมพันธ์และต่อเนื่องจากกรณีของ นายปริญญ์ ภานิชภักดิ์ เป้าหมายก็เพื่อจะตอบโต้ต่ออีกฝ่ายซึ่งพยายามขยายผลจากกรณีของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ไปยังคณะกรรมการบริหารพรรค
เนื่องจากภูมิหลังของ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล คงสุข คือการ เป็นสื่อ จึงได้เก็บรายละเอียดต่างๆเป็นอย่างมากและสะท้อนให้เห็น ว่าสิ่งที่เป็น”พฤติกาม”มิได้มีเพียง นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เท่านั้น
และเนื่องจาก นางมัลลิกา บุญมีตระกูล คงสุข เป็นฝ่ายของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เป้าหมายในการเปิดโปงคือฝ่ายตรงข้าม
ตรงนี้แหละที่ทำให้”ความขัดแย้ง”ขยายวงออกไปกว้างขวาง
การจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นตรวจสอบอันมี นายนราพัฒน์ แก้วทอง เป็นประธานจึงกลายเป็นคำถามว่า เป็นการตรวจสอบเพื่อเป้าหมาย ใดกันแน่ในทางการเมือง เป็นการตรวจสอบเพื่อ”กลบฝัง” หรือเพื่อการ”ขยายความ”
หากสัมผัสกับการเคลื่อนไหวของ นายชวน หลีกภัย ประสาน เข้ากับการล้อบบี้อย่างเต็มแรงต่อ 6 กรรมการบริหารที่เป็นสตรี ก็คงจะได้คำตอบระดับหนึ่งว่าเป้าหมายจะดำเนินไปอย่างไร